“อาคม” หวังจีดีพีปี 64 โตเกิน 1.3% หลังคลัง อัดงบกระตุ้นศก. 5.4 หมื่นล้าน
ข่าววันนี้ นายอาคม เติมพิทยาไพสิฐ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง เปิดเผยว่าที่ประชุมคณะรัฐมนตรีได้อนุมัติเพิ่มวงเงินโครงการลดภาระค่าครองชีพและฟื้นฟูเศรษฐกิจ เพื่อกระตุ้นการใช้จ่ายช่วงเดือนพฤศจิกายน-ธันวาคม 2564 ซึ่งเป็นช่วงเปิดประเทศ ซึ่งจะใช้วงเงินทั้งหมด 54,000 ล้านบาท โดยเป็นเงินจาก พระราชกำหนด (พ.ร.ก.) กู้เงิน 5 แสนล้านบาท คาดหวังว่าเม็ดเงินดังกล่าวจะทำให้เศรษฐกิจปลายปีกลับมาคึกคัก และทำให้การเติบดตทางเศรษฐกิจ (จีดีพี) ขยายตัวไม่ต่ำกว่าที่คาดการณ์ไว้ที่ 1.3% โดย สำนักงานเศรษฐกิจการคลัง (สศค.) จะมีการทบทวนประมาณการณ์เศรษฐกิจใหม่ช่วงปลายเดือนตุลาคมนี้ โดยมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจที่ ครม. อนุมัติวันนี้ จะยังไม่รวมกับของขวัญปีใหม่ ซึ่งกระทรวงคลังอยู่ระหว่างพิจารณา แต่ยืนยันว่าจะมีออกมาเพิ่มเติมอย่างแน่นอน
“คนละครึ่งประชาชนจะได้เงินทั้งหมด 4,500 บาท สามารถใช้จ่ายได้จนถึงสิ้นปี ซึ่งเป็นไปตามคำร้องขอของภาคเอกชนที่ต้องการให้เติมเงินในโครงการคนละครึ่ง และร้านค้าก็ต้องการให้มีการจับจ่ายใช้สอยผ่านโครงการคนละครึ่ง ซึ่งผู้ที่ยังไม่ได้สมัคร ก็ยังสามารถสมัครได้ เพราะยังเหลืออีก 2 แสนสิทธิ โดยหากสมัครหลังวันที่ 1 พฤศจิกายน 2564 ก็จะได้รับเงินรวดเดียว 4,500 บาท” นายอาคม กล่าว
นายพรชัย ฐีระเวช ผู้อำนวยการสำนักงานเศรษฐกิจการคลัง ในฐานะโฆษกกระทรวงการคลัง กล่าวว่า โครงการเพิ่มกำลังซื้อให้แก่ผู้มีบัตรฯ ระยะที่ 3 จำนวนไม่เกิน 13,537,294 คนและโครงการเพิ่มกำลังซื้อให้แก่ผู้ที่ต้องการความช่วยเหลือพิเศษ จำนวนไม่เกิน 2,306,469 คน เพิ่มเติม จำนวน 300 บาทต่อคนต่อเดือนเป็นระยะเวลา 2 เดือน ตั้งแต่เดือนพฤศจิกายนถึงเดือนธันวาคม 2564 (รวม 600 บาทต่อคน) รวมเป็นวงเงินเพิ่มเติมทั้งสิ้น 500 บาทต่อคนต่อเดือนในช่วงเดือนพฤศจิกายน-เดือนธันวาคม 2564
นายพรชัย กล่าวว่า โครงการคนละครึ่ง ระยะที่ 3 เพิ่มเติมวงเงินสนับสนุนรัฐร่วมจ่าย รอบที่ 3 จำนวน 1,500 บาทต่อคน ในเดือนพฤศจิกายนถึงเดือนธันวาคม 2564 (โดยนำไปรวมกับวงเงินคงเหลือจากรอบที่ 1 และ 2 ของโครงการคนละครึ่ง ระยะที่ 3 โดยอัตโนมัติ) ให้แก่ผู้ได้รับสิทธิโครงการคนละครึ่ง ระยะที่ 3 จำนวนไม่เกิน 28,000,000 คน
นายพรชัย กล่าวว่า โครงการยิ่งใช้ยิ่งได้ เพิ่มวงเงินสนับสนุนบัตรกำนัลอิเล็กทรอนิกส์ (อี-วอยเชอร์) ของรัฐ จำนวน 3,000 บาทต่อคน ให้แก่ผู้ได้รับสิทธิโครงการยิ่งใช้ยิ่งได้ จำนวนไม่เกิน 1,000,000 คน โดยมีผลกับวงเงินใช้จ่ายที่จะนำมาคำนวณสิทธิอี-วอยเชอร์ ตั้งแต่วันที่ 1 ถึงวันที่ 30 พฤศจิกายน 2564 จากเดิม สำหรับผู้ได้รับสิทธิที่มียอดใช้จ่ายที่จะนำมาคำนวณสิทธิ อี-วอยเชอร์ เต็มจำนวน 60,000 บาท ณ วันที่ 31 ตุลาคม 2564 ซึ่งมีสิทธิได้รับ อี-วอยเชอร์ จำนวน 7,000 บาทเรียบร้อยแล้ว จะมีสิทธิได้รับ อี-วอยเชอร์ เพิ่มเติม หากมีการใช้จ่ายเพิ่มเติม จำนวนไม่เกิน 20,000 บาท ในระหว่างวันที่ 1 ถึงวันที่ 30 พฤศจิกายน 2564 จะได้รับสิทธิอี-วอยเชอร์ 15% ของยอดใช้จ่ายเพิ่มเติมดังกล่าว แต่ไม่เกิน 3,000 บาทต่อคน ทั้งนี้ ผู้ได้รับสิทธิโครงการยิ่งใช้ยิ่งได้จะได้รับสิทธิ อี-วอยเชอร์ รวมทั้งสิ้นไม่เกิน 10,000 บาทต่อคน ตลอดระยะเวลาโครงการ และสามารถใช้จ่าย อี-วอยเชอร์ ได้ถึงวันที่ 31 ธันวาคม 2564
นายพรชัย กล่าวว่า จากข้อมูล ณ วันที่ 18 ตุลาคม 2564 มีผู้ใช้สิทธิสะสมทั้ง 4 โครงการรวมกว่า 40.04 ล้านราย ยอดใช้จ่ายสะสมทั้งหมด 114,819.9 ล้านบาท ทั้งนี้ ประชาชนสามารถใช้จ่ายในโครงการต่าง ๆ ได้จนถึงวันที่ 31 ธันวาคม 2564 สำหรับประชาชนที่สนใจเข้าร่วมโครงการคนละครึ่ง ระยะที่ 3 ยังสามารถลงทะเบียนอย่างต่อเนื่อง ซึ่งยังมีสิทธิเหลือกว่า 2 แสนสิทธิ สำหรับโครงการยิ่งใช้ยิ่งได้ ยังมีสิทธิคงเหลือกว่า 5.2 แสนสิทธิ