รีเซต

PTT ลั่นปีหน้าเทคออฟ น้ำมันขึ้นไร้สต๊อกลอส

PTT ลั่นปีหน้าเทคออฟ น้ำมันขึ้นไร้สต๊อกลอส
ทันหุ้น
10 พฤศจิกายน 2563 ( 07:30 )
70
PTT ลั่นปีหน้าเทคออฟ น้ำมันขึ้นไร้สต๊อกลอส

ทันหุ้น - PTT ปักหมุดปี 2564 ผลงานแจ่มกว่าปี 2563 รับเทรนด์ราคาน้ำมันฟื้นตัว หมดยุคขาดทุนสต๊อกน้ำมัน จ่อชงบอร์ดเคาะแผนลงทุนสูงกว่าปกติ 8 หมื่นล้านบาท รองรับการลงทุนมากขึ้น คาดชัดเจนธันวาคมนี้ แถมซุ่มศึกษาลงทุนรถไฟฟ้า-M&A โรงงานยาเพิ่ม รอจังหวะนำ OR เข้าตลาด จับตารายงานกำไรไตรมาส 3 วันนี้ โบรกคาดกำไร 1.4 หมื่นล้านบาท

 

นายอรรถพล ฤกษ์พิบูลย์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหารและกรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท ปตท. จำกัด (มหาชน) หรือ PTT เปิดเผยว่า บริษัทคาดผลงานปี 2564 จะเติบโตมากกว่าปี 2563เนื่องจากมองแนวโน้มราคาน้ำมันในตลาดโลกจะปรับตัวดีขึ้น จากทั้งปี 2563 ที่มองไว้เฉลี่ยราว 41 ดอลลาร์สหรัฐต่อบาร์เรล ซึ่งจะทำให้ธุรกิจไม่มีผลขาดทุนเกี่ยวกับส่วนต่าง (สต็อกลอส) ของราคาน้ำมันดังเช่นปีนี้ ขณะที่ทิศทางสงครามทางการค้าระหว่างสหรัฐอเมริกาและจีน (เทรดวอร์) จะเริ่มคลี่คลาย หลังประธานาธิบดีสหรัฐคนใหม่มีทิศทางที่ผ่อนคลายมากขึ้น

 

นอกจากนี้ยังเชื่อน่าจะได้เห็นความคืบหน้าเกี่ยวกับวัคซีนป้องกันการแพร่ระบาดของไวรัสโควิด 19 (COVID 19) ซึ่งถือเป็นอีกแรงสนับสนุนให้ความต้องการใช้น้ำมันและราคาในตลาดโลกขยับสูงขึ้นอีกทางหนึ่ง

 

ชงบอร์ดเคาะลงทุนธ.ค.นี้

 

สำหรับแผนการลงทุนปี 2564 ปัจจุบันอยู่ระหว่างการจัดทำรายละเอียดต่างๆ ก่อนจะมีการนำเสนอที่ประชุมคณะกรรมการบริษัท (บอร์ด) เพื่อพิจารณาอนุมัติต่อไป หวังเสริมความแข็งแกร่งของธุรกิจให้ดียิ่งขึ้น คาดได้ความชัดเจนช่วงธันวาคม 2563

 

"เบื้องต้นเราคงมุ่งให้ความสำคัญกับการลงทุนในธุรกิจที่มีการเติบโตได้ในอนาคต อาทิ ในส่วนของ GPSC ที่มีแผนจะขยายธุรกิจไฟฟ้าที่ใช้พลังงานทางเลือก โดยวางเป้ามีกำลังผลิตไฟฟ้าส่วนนี้ราว 8,000 เมกะวัตต์ในอีก 10 ปีนับจากนี้หรือในปี 2572 (เดิมมีอยู่แล้ว500 เมกะวัตต์) นอกเหนือ จากโรงไฟฟ้าที่ใช้เชื้อเพลิงจากฟอสซิลที่วางไว้ในระดับ 8,000 เมกะวัตต์ (เดิมมีแล้วกว่า 5,000เมกะวัตต์) รวมทั้งมองหาโอกาสลงทุนธุรกิจใหม่ๆ เพิ่มเติม"

 

อุบัติเหตุท่อก๊าซไม่กระทบ

 

สำหรับประเด็นเกี่ยวกับการนำบริษัทลูกคือ บริษัท ปตท.น้ำมันและการค้าปลีก จำกัด (มหาชน) หรือ OR เพื่อเข้าจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย (SET)นั้นอยู่ระหว่างพิจารณาและประเมินกรอบเวลาที่เหมาะสม หลังล่าสุดทางสำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ (ก.ล.ต.) ได้อนุมัติไฟลิ่งเนื่องจากบริษัทมีเวลาภายหลังการอนุมัติประมาณ 1 ปี

 

ด้านนางอรวดี โพธิสําโร รองกรรมการผู้จัดการใหญ่กลยุทธ์องค์กร PTT กล่าวว่า โดยปกติแล้ว PTT จะใช้งบลงทุนปีละเฉลี่ยราว 80,000 ล้านบาทต่อปี ขณะที่เงินลงทุนในกลุ่มจะอยู่ที่ 200,000-300,000 ล้านบาทต่อปี ซึ่งบริษัทคาดในปี 2564ใช้งบลงทุนมากกว่าตัวเลขลงทุนเฉลี่ยปกติของบริษัทที่ราว 8หมื่นล้านบาทต่อปี

 

อย่างไรก็ดี ในช่วงตั้งแต่ปี 2564-2573 ทาง PTT จะปรับพอร์ตการลงทุนไปยังธุรกิจที่เติบโต เพื่อสอดคล้องกับแนวโน้มระยะยาว แบ่งเป็น ธุรกกิจเดิม (Existing Business) ราว 75% ด้วยการเพิ่มขีดความสามารถการแข่งขัน มุ่งเน้นการสร้างความร่วมมือเพื่อผลตอบแทนที่สูงขึ้น, กลุ่มธุรกิจใหม่ด้านพลังงาน (New Energy) อยู่ที่ 12%จากการลงทุนในพลังงานหมุนเวียน และเทคโนโลยีด้าน เช่น Storage / Grid Network, Smart Energy Platform และ EV Charging Station

 

พร้อมกันนี้ยังจะมีการเพิ่มสัดส่วนการในโมเดลธุรกิจ (New Business) อยู่ที่ 11%ด้วยการหาโอกาสในธุรกิจที่ให้ผลตอบแทนสูง และ มีแนวโน้มเติบโต หรือมีศักยภาพในการสร้างความได้เปรียบในการแข่งขัน รวมถึง Social Investment 1% โดยลงทุนเพื่อสังคม Envlronment Investment 1% ลงทุนเพื่อสนับสนุนนโยบายด้านสิ่งแวดล้อมเพิ่มเติมด้วย

 

@ศึกษาลงทุนรถยนต์ไฟฟ้า

 

"ไม่เพียงเท่านั้นปัจจุบันอยู่ระหว่างการหาผู้รับเหมาเพื่อพัฒนาโครงการโรงแยกก๊าซแห่งที่ 7 มูลค่าโครงการกว่า 10,000 ล้านบาท หวังช่วยทำให้ต้นทุนการผลิตลดลงและได้ผลตอบแทน(ยิวด์) เพิ่มขึ้น คาดก่อสร้างเสร็จปี 2566อีกทั้งมองหาโอกาสในการลงทุนโรงงานรถยนต์ไฟฟ้า (EV) ในประเทศเพิ่มเติม. หาโอกาสควบรวมกิจการ (M&A) โรงงานยาในต่างประเทศ เพื่อผลักดันสัดส่วนธุรกิจใหม่ให้เพิ่มขึ้นตามแผนที่วางไว้ในอนาคต"นางอรวดีกล่าวเพิ่มเติม

 

@ ลุ้นงบ Q3กำไร 1.4 หมื่นล.

 

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า PTT จะแจ้งผลประกอบการไตรมาส 3/2563 วันนี้ (10 พ.ย.) โดย บริษัทหลักทรัพย์ดีบีเอส วิคเคอร์ส(ประเทศไทย) จำกัด คาดว่าไตรมาส 3/2563 จะมีกำไรสุทธิ 1.4 หมื่นล้านบาท เพิ่มขึ้นประมาณ 16%จากไตรมาส 2/2563 แต่ลดลง 31% จากช่วงเดียวกันปีก่อน สาเหตุที่ผลประกอบการดีขึ้น เนื่องจากได้รับผลดีจากบริษัทในกลุ่ม ได้แก่บริษัท ปตท.สำรวจและผลิตปิโตรเลียม จำกัด(มหาชน) หรือ PTTEPและบริษัท ไออาร์พีซี จำกัด(มหาชน) หรือ IRPC ที่ผลประกอบการดีขึ้น ขณะที่ธุรกิจก๊าซ โรงแยกก๊าซ และน้ำมันฟื้นตัว

 

ยอดนิยมในตอนนี้

แท็กยอดนิยม

ข่าวที่เกี่ยวข้อง