ชาวบ้านท้อ หน่วยงานพึ่งไม่ได้ ร้านยังเปิดเพลงดัง เปิดไฟส่องบ้าน เดือดร้อนหนัก
ชาวบ้านวอนหน่วยงานที่เกี่ยวข้องแก้ปัญหา สถานประกอบการเปิดเพลงเสียงดังรบกวนการหลับนอน ผู้ป่วยโรคหัวใจสะดุ้งใจสั่น ถึงขั้นขายบ้านย้ายหนีไปที่อื่น
จากกรณีเฟซบุ๊กโพสต์คลิปสถานบันเทิงในจังหวัดขอนแก่นเปิดเพลงเสียงดัง โดยระบุว่า ทุกข์ชาวบ้านร้านอาหารพากันขนเครื่องเสียง ไฟ แสง สี ออกมาเปิดริมถนนกันจนดึก ยืนดูในบ้านก็ถูกเอาไฟตามส่องหน้าถึงในบ้าน เบียดเบียนกันอย่างหนัก มีคนร้องเรียนเดือดร้อนกันมาก แต่เจ้าหน้าที่ก็ทำอะไรไม่ได้ ประชาชนที่ถูกรังแก หมดหนทางหมดที่พึ่ง ต้องอดทนซ่อนตัวเพราะกลัวถูกทำร้าย คนที่ย้ายบ้านหนีได้ก็ต้องพยายามขายบ้านย้ายหนี โดยเฉพาะแถวติดเทศศบาลซึ่งอยู่กลางชุมชน
ล่าสุด วันที่ 27 เม.ย. 65 ผู้สื่อข่าวลงพื้นที่ไปยังบ้าน ในเขตเทบาลนครขอนแก่น เพื่อพบกับ นายมนต์สิทธิ์ ทัศนาวิวัฒน์ อายุ 54 ปี เจ้าของบ้าน ซึ่งเป็นทันตแพทย์ เจ้าของคลินิกบ้านคุณหมอฟัน ในเมืองขอนแก่น และเป็นคนที่โพสต์คลิปร้องเรียนในโซเชียล พบว่าบริเวณห้องนอนและห้องพระ มีหน้าต่าง ห่างจากสถานบันเทิงประมาณ 100 เมตร มองเห็นสถานบันเทิงที่เปิดเสียงดังในเวลากลางคืนทั้งสองร้าน ที่ตั้งอยู่ริมถนน ได้อย่างชัดเจน
นายมนต์สิทธิ์ กล่าวว่า ไม่ใช่ครั้งแรกที่ทำเช่นนี้ ทำมาหลายครั้ง ร้องเรียนไปทุกหน่วยงาน รวมถึงศูนย์ดำรงธรรมจังหวัดขอนแก่น และสำนักนายกรัฐมนตรี แต่ไม่มีหน่วยงานใด เข้ามาแก้ไข มีเพียงการลดเสียงลงประมาณ 2-3 วัน ก็กลับมาเป็นเช่นเดิมอีก ตนมองว่าเมืองขอนแก่น กลายเป็นบ้านป่าเมืองเถื่อนไปแล้ว เพราะสิ่งที่เจ้าของสถานบันเทิงกระทำนั้น หากพูดถึงกฎหมาย บอกเลยว่าผิดกฎหมายทุกข้อ โดยเฉพาะมลพิษทางเสียง ที่ไม่มีการควบคุม
หน่วยงานที่รับผิดชอบและเกี่ยวข้อง ไม่ใส่ใจเข้ามาแก้ไขปัญหา ได้โปรดเข้ามาแก้ไขปัญหาด้วย การร้องเรียนนั้น ไม่ใช่เพียงเพราะตนคนเดียวที่เดือดร้อน ชาวบ้านอีกร่วมร้อยครอบครัวที่ร่วมลงชื่อ แต่เหมือนว่าทุกคนต้องอยู่ในสภาพที่ต้องอดทน รับสภาพ เพราะถ้าออกมาจะได้รับความเดือดร้อน ตนจึงเสมือนตัวแทน ไม่ใช่ไม่กลัว กลัวจนต้องพกปืนติดตัวออกจากบ้านไปทำงาน แต่ต้องการเห็นความเป็นธรรมเกิดขึ้น อยากให้สถานบันเทิงลดเสียงลง เพื่ออยู่ร่วมกับชาวชุมชนในละแวกเดียวกันได้อย่างมีความสุข
ด้าน นางสาวรุ่งนภา (ขอสงวนนามสกุล) อายุ 40 ปี หนึ่งในชาวบ้านที่เดือดร้อน จนต้องประกาศขายบ้าน กล่าวว่า อาศัยอยู่ที่บ้านหลังดังกล่าวกับพ่อและลูกชาย ตั้งแต่ พ.ศ.2548 จนถึงปัจจุบัน สถานบันเทิงไม่ได้เพิ่มขึ้น แต่เปลี่ยนเจ้าของใหม่บ่อย ๆ มีการปรับปรุงและใช้เสียงดังมากขึ้นเรื่อย ๆ จนลูกชายที่กำลังเรียนชั้น ม.6 ต้องย้ายไปอยู่กับน้องสาวที่นอกเมือง ส่วนพ่อก็กลายเป็นผู้ป่วยโรคหัวใจ จึงต้องประกาศขายบ้านมาเป็นเวลา 2 ปี แล้วก็ยังขายไม่ได้ ทนกับเสียงที่ดังมากว่า 10 ปี
เคยเดินเข้าไปหา ผู้จัดการ และเจ้าของร้านทุกร้านที่อยู่ริมถนนประชาสำราญ เพื่อขอร้องให้ลดเสียง เพราะพ่อป่วย เมื่อตรวจกับหมอ หมอแจ้งว่าพ่อป่วยโรคหัวใจ จึงตัดสินใจขอร้องทางสถานประกอบการให้ลดเสียง แต่ไม่มีร้านไหน ให้ความร่วมมือด้วย ช่วง 2-3 ปีนี้ ทุกเย็นจะพาพ่อนั่งซ้อนท้ายรถจักรยานยนต์ ออกจากบ้าน ไปนอนที่บ้านญาตินอแกเมือง
เพราะที่บ้านตัวเองกลางคืนเสียงดัง พ่อนอนไม่ได้ จึงอยากเรียกร้องให้ ผู้ว่าราชการจังหวัดขอนแก่น นายอำเภอเมืองขอนแก่น นายกเทศมนตรีนครขอนแก่น และตำรวจ รวมถึงเจ้าหน้าที่ ที่รับผิดสอลเรื้องมลพิษของเสียง มาตรวจสอบและดำเนินการให้สถานบันเทิงลดเสียงลงให้ด้วย