PTTGCรุก5เมกะเทรนด์ สินค้ามาร์จิ้นสูงต่อยอด
#PTTGC #ทันหุ้น – PTTGC ชี้ดีมานด์ปิโตรเคมียังดีต่อเนื่อง มั่นใจปริมาณขายครึ่งปีหลังดีกว่าครึ่งปีแรก เดินหน้า 5 เมกะเทรนด์โลก ลุยผลักดันสินค้ากลุ่มมาร์จิ้นสูง เผยตั้งเป้าการเติบโต EBITDA ของ allnex 1.5 เท่า ภายใน 5 ปี ย้ำสถานะการเงินแข็งแกร่ง หาพันธมิตรปิโตรเคมีคอมเพล็กซ์ที่สหรัฐ
ดร.คงกระพัน อินทรแจ้ง ประธานเจ้าหน้าที่บริหารและกรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท พีทีที โกลบอล เคมิคอล จำกัด (มหาชน) หรือ PTTGC เปิดเผยว่า กำไรจากก่อนหักดอกเบี้ย ภาษี ค่าเสื่อมราคา และค่าตัดจำหน่าย (EBITDA) จะเติบโตเฉลี่ย 4% แนวโน้มปริมาณขายยังเติบโตต่อเนื่อง ความต้องการปิโตรเคมียังอยู่ในระดับที่ดี โดยในช่วงปีหลัง 2565 ปริมาณขายจะเพิ่มกว่าในครึ่งปีแรกที่และไม่มีการปิดซ่อมบำรุงโรงงาน ขณะที่แนวโน้มของมาร์จิ้นยังสามารถทรงตัวได้ในระดับสูง
พร้อมกันนี้ยังมุ่งเน้นการขยายกลุ่มธุรกิจกลุ่มมูลค่าเพิ่ม หรือ High Value Business (HVB) คาดว่าสัดส่วน EBITDA กลุ่มนี้จะเพิ่มเป็น 50% ในปี 2573 จากปัจจุบันที่ประมาณ 30%
*เดินหน้าสู่เมกะเทรนด์
ดร.คงกระพัน กล่าวด้วยว่า บริษัทพร้อมปรับตัวเดินหน้า 5 เมกะเทรนด์โลก ประกอบด้วย Climate Change & Energy Transition, Demographic Shift, Health & Wellness, Urbanization และ Disruptive Technology พร้อมเดินหน้าตอบโจทย์ธุรกิจแห่งอนาคตด้วยกลยุทธ์ 3 Steps
1.Step Change กลยุทธ์การยกระดับความสามารถในการแข่งขัน โดยมีความก้าวหน้าโครงการ โครงการผลิตพลาสติกวิศวกรรมชั้นสูง ของบริษัท Kuraray GC Advanced Material (KGC) คาดว่าจะแล้วเสร็จภายในปีนี้ ผลิต High Heat Resistant Polyamide-9T (PA-9T) จำนวน 13,000 ตันต่อปี และ Hydrogenated Styrenic Block Copolymer (HSBC) จำนวน 16,000 ตันต่อปี เพื่อใช้ในอุตสาหกรรมรถยนต์ อุตสาหกรรมไฟฟ้าและอีเล็กทรอนิกส์ อุตสาหกรรมก่อสร้าง ถือเป็นหนึ่งในอุตสาหกรรมแห่งอนาคต สายธุรกิจ HVB ซึ่งเป็นโครงการลงทุนในพื้นที่ EEC
ขณะที่โครงการ Olefins 2Modification (OMP) เพิ่มความยืดหยุ่นของวัตถุดิบ โดยจะเพิ่มกำลังการผลิตโพรพิลีนจำนวน 63,000 ตันต่อปี คาดว่าเริ่มเดินเครื่องได้ในไตรมาส 1/2566 ขณะที่การปรับโครงสร้างธุรกิจ PVC ของ VNT และ AGC Thailand เพื่อขยายตลาด PVC ไปสู่ภูมิภาค CLMVT (กัมพูชา ลาว เมียนมา เวียดนามและไทย) คาดว่าจะแล้วเสร็จในไตรมาส 3/2565 นอกจากนี้ยังมีการเจรจาในการซื้อกิจการต่อเนื่อง แต่ขณะนี้ยังไม่มีโครงการขนาดใหญ่
2. Step Out แผนการลงทุนใน allnex บริษัทตั้งเป้าการเติบโต EBITDA ของ allnex 1.5 เท่า ภายใน 5 ปี GC ได้ขยายการลงทุนใน allnex ผู้นำอันดับหนึ่งของโลก ในอุตสาหกรรม Coating Resins allnex มีผลกำไรที่แข็งแกร่ง
3.Step Up GC ยกระดับคุณภาพชีวิต มุ่งสู่ธุรกิจคาร์บอนต่ำ โดยมุ่งเน้นกลยุทธ์การขับเคลื่อนด้วยประสิทธิภาพ การขับเคลื่อนด้วยการบริหารพอร์ตโฟลิโอธุรกิจ และการขับเคลื่อนการชดเชยคาร์บอน เพื่อบรรลุเป้าหมายในการปล่อยก๊าซเรือนกระจกลดลง 20% ภายในปี 2573 และการปล่อยก๊าซเรือนกระจกสุทธิเป็นศูนย์ ภายในปี 2593 โดยไม่ส่งผลกระทบต่อการเติบโตทางธุรกิจ
*หาพันธมิตรสหรัฐ
ขณะที่ความคืบหน้าการดำเนินการก่อสร้างโครงการปิโตรเคมีคอมเพล็กซ์ที่สหรัฐ ขณะนี้บริษัทยังอยู่ระหว่างขั้นตอนการศึกษาและการหาพันธมิตรเข้ามาร่วมลงทุน เบื้องต้นยังต้องประเมินผลกระทบที่อาจจะเกิดขึ้นในอนาคต จากภาวะเศรษฐกิจที่กำลังถดถอยในสหรัฐ และอัตราดอกเบี้ยเชิงนโยบายที่เพิ่มสูงขึ้น แต่บริษัทก็ขอยืนยันว่าสถานะทางการเงินยังแข็งแกร่ง มีการบริหารจัดการต้นทุนทางการเงินให้ต่ำ ส่วนการออกหุ้นกู้ก่อนหน้านี้ได้รับการตอบรับที่ดี ทั้งนี้ปัจจุบันต้นทุนทางการเงินเฉลี่ยกว่า 4%
ส่วนประเด็นความกังวลเรื่องการที่จะถูกภาครัฐขอความร่วมมือในการปรับลดค่าการกลั่น และจะกระทบต่อกำไรของโรงกลั่นนั้น บริษัทขอยืนยันว่าบริษัทดำเนินธุรกิจในส่วนของธุรกิจปิโตรเคมีเป็นหลัก ในส่วนของธุรกิจโรงกลั่นนั่นบริษัทมีสัดส่วนรายได้ที่น้อยมากไม่ถึง 10% โดยการกลั่นน้ำมันจะมารองรับเพื่อใช้เป็นวัตถุดิบในการผลิตปิโตรเคมีเป็นหลัก และขายน้ำมันเล็กน้อยให้แก่ OR