เวียดนาม-กัมพูชา ขัดแย้งชายแดนอย่างไร? แตกต่างจากรณีของไทย-กัมพูชาหรือไม่ ?

ในประเด็นความขัดแย้งไทย-กัมพูชา เรามักเห็นชาวเวียดนามเข้ามาคอมเมนต์ร่วมด้วย ร่วมเชียร์คนไทย และวิจารณ์ชาวกัมพูชา จนเกิดเป็นคำถามว่า ทำไมชาวเวียดนามถึงเชียร์ไทย ? เกิดอะไรขึ้นในความสัมพันธ์ของเวียดนามและกัมพูชา ?
อาจเรียกได้ว่า ความสัมพันธ์ระหว่างไทย-กัมพูชานั้น มีความคล้ายคลึงบางอย่างกับ เวียดนาม-กัมพูชา ซึ่งทั้งสองประเทศนั้น ก็มีความขัดแย้งพิพาททางชายแดน ไปถึงประวัติศาสตร์จากสงคราม ที่อาจเรียกได้ว่า ยังมีความรู้สึกไม่ไว้วางใจและแผลเก่าจากอดีตที่ส่งอิทธิพลต่อความสัมพันธ์ของทั้งสองประเทศอยู่ไม่น้อย
เกิดอะไรในความสัมพันธ์ เวียดนาม-กัมพูชา ?
เวียดนามและกัมพูชาเคยเป็นอาณาจักรโบราณที่มีอาณาเขตทับซ้อนกันในบางช่วงเวลาของประวัติศาสตร์ โดยเฉพาะบริเวณสามเหลี่ยมปากแม่น้ำโขง ซึ่งเคยเป็นของเขมรโบราณ ก่อนที่เวียดนามจะขยายอิทธิพลลงมาทางใต้ในช่วงศตวรรษที่ 17–18
ภายใต้ยุคอาณานิคมฝรั่งเศส ทั้งเวียดนามและกัมพูชาถูกจัดให้อยู่ภายใต้ อินโดจีนของฝรั่งเศส ซึ่งกลายเป็นจุดเริ่มต้นของการกำหนดพรมแดนแบบสมัยใหม่ที่มีการตีเส้นแบ่งแยกดินแดนอย่างเป็นทางการ แต่เส้นเขตแดนเหล่านั้นกลับไม่ชัดเจนในระดับชุมชนท้องถิ่น และยังคงเป็นจุดปะทะในเวลาต่อมา
หลังสิ้นสุดสงครามโลกครั้งที่ 2 มีความพยายามพูดถึงพื้นที่พิพาทนี้เป็นระยะ โดยในช่วงการปกครองของเจ้าชายนโรดม สีหนุ ของกัมพูชาในช่วงทศวรรษ 1960 ได้มีการขอให้เวียดนามเคารพพรมแดน “ที่มีอยู่” ของกัมพูชา แต่รัฐบาลเวียดนามในขณะนั้นไม่ให้การรับรอง จนมาในช่วงทศวรรษ 1970 ก็ได้เกิดการปะทะกันเรื่องดินแดนหลายครั้ง มีความพยายามเจรจา แต่ก็ล้มเหลวด้วยความเห็นที่ต่างกัน
จนกระทั่งจุดเปลี่ยนสำคัญในความขัดแย้งบานปลายมาเป็นสงคราม ในช่วงปลายทศวรรษ 1970 หลังจากเขมรแดงภายใต้การนำของพล พต ขึ้นสู่อำนาจในกัมพูชา และเริ่มมีนโยบายเชิงชาตินิยมสุดโต่ง กล่าวหาว่าเวียดนามเป็นศัตรูและรุกรานดินแดนชายแดนของเวียดนาม ก่อนเกิดการขัดแย้งทางทหารกันหลายครั้ง และนำไปสู่การแทรกแซงทางทหารของเวียดนามในช่วงปลายเดือนธันวาคม 1978 และล้มล้างรัฐบาลเขมรแดงของกัมพูชา นำไปสู่การยึดครองกัมพูชาถึง 10 ปี
แม้ว่าเวียดนามจะเป็นผู้ปลดปล่อยกัมพูชา จากการปกครองที่โหดร้ายของเขมรแดง แต่ก็ยังมีการถกเถียงว่า การกระทำนั้นเป็นการปลดปล่อย หรือเป็นผู้รุกราน จนเป็นที่มาของความรู้สึกไม่ไว้ใจเวียดนาม ในหมู่ชนชั้นนำและประชาชนกัมพูชาจนถึงปัจจุบัน
ความขัดแย้งเรื่องพรมแดน: เส้นที่ยังไม่จบ
ที่ผ่านมา เช่นเดียวกับไทย เวียดนามและกัมพูชาได้มีความพยายามหาข้อตกลงกันเรื่องเส้นเขตแดน โดยมีการลงนามสนธิสัญญาว่าด้วยการแก้ไขปัญหาชายแดนระหว่างกัมพูชา
และเวียดนามและข้อตกลงเกี่ยวกับระเบียบข้อบังคับชายแดน ในปี 1983 ซึ่งตามสนธิสัญญา ทั้งสองฝ่ายตกลงที่จะถือว่า ‘เส้นปัจจุบัน’ ระหว่างสองประเทศ ซึ่งกำหนดไว้บนแผนที่มาตราส่วน 1/100,000 ที่เผยแพร่โดยบริการทางภูมิศาสตร์ของอินโดจีนซึ่งใช้ก่อนปี 1954 หรือในวันที่ใกล้เคียงกับปี 1954 ถือเป็นพรมแดนของประเทศ การกำหนดขอบเขตพรมแดนทางบกและทางทะเลจะดำเนินการด้วยความเท่าเทียมและความเคารพซึ่งกันและกัน
และในช่วงปี 2005-2009 เป็นอีกครั้งที่สองประเทศได้พยายามทำเส้นกันเขตแดน แต่ก็ยังคงมีจุดที่ ไม่สามารถตกลงกันได้ชัดเจน โดยเฉพาะพื้นที่หมู่บ้านตามแนวชายแดนทางตะวันออก เช่น จังหวัดรัตนคีรี มณฑลคีรี และสตึงแตรง ที่ประชาชนท้องถิ่นยังร้องเรียนว่ามีการบุกรุกจากฝั่งเวียดนาม
ในปี 2015 ได้มีการจัดประชุม JBC เพื่อพูดคุยเรื่องเขตแดนกันระหว่างสองประเทศ ซึ่งตกลงกันว่าทั้งสองฝ่ายจะยอมรับว่ากระบวนการแบ่งเขตแดนนั้นซับซ้อน และแม้ว่าจนถึงขณะนี้ได้แบ่งเขตแดนไปแล้วประมาณ 83 เปอร์เซ็นต์ แต่จะมีการ ตกลงที่จะแบ่งเขตแดนให้เสร็จสิ้นในเร็วๆ นี้
แต่ถึงอย่างนั้น ในปี 2015 ก็ยังมีการปะทะกันระหว่างชายแดน แต่ปัจจุบัน ทั้งสองประเทศถือมีความก้าวหน้าในการติดตั้งหลักเขตแดนแล้วกว่า 84% จากการพยายามร่วมกันในการประชุม JBC ซึ่งทั้งคู่กำลังจะมีการประชุมอีกในเดือนกรกฎาคม 2025 นี้ ที่สองประเทศจะพูดคุยกันถึงหลักเขตแดนอีก 16% ที่ยังตกลงกันไม่เสร็จด้วย
ความขัดแย้งไทย-กัมพูชา แตกต่างจาก เวียดนาม-กัมพูชาอย่างไร ?
หากถามว่า ความขัดแย้ง หรือข้อพิพาทดินแดนกรณีของไทย และเวียดนามที่มีต่อกัมพูชา แตกต่างกันอย่างไร อาจเห็นได้จากวิธีการของรัฐบาล หรือตระกูลฮุน ที่แตกต่างกันไป
สำหรับกรณีประเทศไทย เรามักเห็นการพูดถึงวิธีการใช้ชาตินิยมของรัฐบาลกัมพูชา ในการปลุกความรู้สึกประชาชนในประเด็นนี้ แต่สำหรับกรณีเวียดนามนั้น สื่อหลายๆ แห่งรายงานตรงกันว่า ประเด็นชาตินิยมนี้ มักถูกใช้โดยพรรคฝ่ายค้าน พรรคกู้ชาติกัมพูชา (CNRP) อยู่หลายครั้ง ไม่ว่าจะเป็นการวิจารณ์รัฐบาลในการเจรจากับเวียดนามว่า รัฐบาลยอมให้เวียดนามรุกล้ำอธิปไตย
ทั้งในการเลือกตั้งทั่วไปในปี 2013 และปี 2018 ฝ่ายค้านกัมพูชาเองก็ได้ใช้ประเด็นพิพาทดินดินระหว่างเวียดนามมาหาเสียง ว่าเป็น"ภัยคุกคามจากเวียดนาม"
ซึ่งในช่วงนั้น รัฐบาลกัมพูชาเองก็ได้ประกาศว่า “ปัญหาเรื่องแผนที่ต้องได้รับการแก้ไขในตอนนี้ ... เราไม่ต้องการให้พรรคการเมืองใช้ปัญหาเรื่องพรมแดนเพื่อยุยงให้ผู้คนต่อต้านรัฐบาล” ซึ่งได้มีนักการเมืองฝ่ายตรงข้ามรัฐบาลหลายคนที่ถูกจับกุม และดำเนินคดี เมื่อใช้ประเด็นเรื่องแผนที่ และข้อพิพาทดินแดนโจมตีรัฐบาล
นอกจากนี้ อีกความแตกต่างหนึ่งคือ ทั้งกัมพูชาและเวียดนามนั้น ต่างก็เคยเป็นประเทศใต้อาณานิคมของฝรั่งเศส ทำให้มีการส่งประเด็นเหล่านี้ ขอความช่วยเหลือต่อรัฐบาลฝรั่งเศสให้ช่วยเหลือทางเทคนิคในการแก้ไขข้อพิพาทเรื่องพรมแดน
อีกทั้งกัมพูชาเอง ก็ไม่มีทีท่าที่ต้องการส่งกรณีข้อพิพาทกับเวียดนามไปศาลโลก เหมือนกรณีของไทย โดยในการเจรจาประเด็นชายแดนของเวียดนาม และกัมพูชาในปี 2016 ฝ่ายค้านมองว่า การเจรจาไร้ประสิทธิภาพ เพราะประเด็นการเมืองภายใน แต่ได้เรียกร้องให้รัฐบาลแสวงหาความช่วยเหลือจากนานาชาติ แต่ VOA กัมพูชา รายงานว่า วา กิม ฮอง หัวหน้าคณะกรรมการชายแดนกัมพูชา ยังไม่สามารถยื่นคำร้องเกี่ยวกับเรื่องชายแดนต่อศาลระหว่างประเทศได้ เนื่องจากกระบวนการดังกล่าวมีความซับซ้อนและมีค่าใช้จ่ายสูง ซึ่งเห็นได้ว่าแตกต่างจากรณีไทย-กัมพูชา
Tag
ยอดนิยมในตอนนี้
