สหรัฐฯเพิ่มคำเตือน วัคซีนไฟเซอร์-โมเดอร์น่า เอี่ยวกล้ามเนื้อหัวใจอักเสบ
วันนี้ ( 24 มิ.ย. 64 )โดแรน ฟิงค์ รองผู้อำนวยการแผนกวัคซีนของเอฟดีเอ กล่าวระหว่างการประชุมคณะกรรมการที่ปรึกษาของศูนย์ควบคุมและป้องกันโรคสหรัฐฯ หรือซีดีซี (CDC) เรื่องวัคซีนโควิด ว่า บนพื้นฐานข้อมูลที่มีอยู่ ในสถานการณ์เช่นนี้ จะต้องมีการออกแถลงการณ์เตือนในเอกสารแสดงข้อเท็จจริงสำหรับทั้งผู้ให้บริการด้านสุขภาพ และผู้รับวัคซีนและผู้ดูแลผู้ป่วย
คณะกรรมด้านความปลอดภัยของซีดีซี พิจารณาว่า “มีความเชื่อมโยงที่น่าเป็นไปได้” ระหว่างวัคซีนของไฟเซอร์และโมเดอร์น่า ซึ่งทั้งสองยี่ห้อใช้เทคโนโลยี mRNA dy[การเกิดกรณีของกล้ามเนื้อหัวใจอักเสบ และเยื่อหุ้มหัวใจอักเสบในผู้รับวัคซีน ตามข้อมูลการวิเคราะห์ที่นำเสนอในที่ประชุมเมื่อวานนี้ (วันพุธ)
การประชุมของซีดีซี มีขึ้นหลังการหารือกันของคณะกรรมการที่ปรึกษาของเอฟดีเอในช่วงต้นเดือนนี้ เกี่ยวกับกรณีการเกิดอาการกล้ามเนื้อหัวใจอักเสบและเยื่อหุ้มหัวใจอักเสบ ที่พบเห็นในผู้ป่วยจำนวนเล็กน้อยที่รับวัคซีนทั้งสองชนิด ที่ใช้เทคโนโลยี mRNA เจ้าหน้าที่สาธารณสุขพุ่งเป้าไปที่กรณีที่พบในคนที่มีอายุ 30 ปี และกลุ่มวัยรุ่นโดยเฉพาะ
ฟิงค์ กล่าวว่า เอฟดีเอ ต้องการรับฟังจากคณะกรรมการซีดีซี ก่อนออกแถลงการณ์เตือน ซึ่งคำเตือนของเอฟดีเอ จะเป็นการแจ้งเตือนว่า อาจมีความเสี่ยงของการเกิดอาการกล้ามเนื้อหัวใจอักเสบ หรือเยื่อหุ้นหัวใจอักเสบ ภายในหนึ่งสัปดาห์หลังรับวัคซีนโดสที่สองของทั้งไฟเซอร์และโมเดอร์น่า และส่วนใหญ่ดูเหมือนจะหายได้เอง แต่ผลกระทบระยะยาวยังไม่มีความชัดเจน
อาการแทรกซ้อนดังกล่าวถือว่าเกิดขึ้นได้ยากมาก โดยจนถึงวันที่ 11 มิถุนายนที่ผ่านมา มีกว่า 1,200 กรณีที่อยู่ระหว่างการสอบสวนในกลุ่มประชาชนกว่า 150 ล้านคนที่ได้รับวัคซีนองทั้งไฟเซอร์และโมเดอร์น่า ซีดีซีพบว่าเกิดอาการดังกล่าวมากขึ้น หลังรับวัคซีน mRNA โดสที่สอง โดยมีรายงานในกลุ่มผู้รับวัคซีนของไฟเซอร์มากขึ้น ซึ่งอาจเป็นเพราะวัคซีนของไฟเซอร์ถูกสั่งให้ใช้กับเยาวชนอายุ 12 ปีขึ้นไป ขณะที่ วัคซีนของโมเดอร์น่า ฉีดให้เฉพาะผู้ใหญ่เท่านั้น
แมททิว ออสเตอร์ เจ้าหน้าที่ของซีดีซี กล่าวว่า วัคซีน mRNA อาจเป็นตัวกระตุ้นใหม่ให้เกิดอาการกล้ามเนื้อหัวใจอักเสบ และอาการดังกล่าวสามารถเกิดขึ้นได้หลังติดเชื้อไวรัส ซึ่งรวมทั้งโควิด-19 ด้วย
อย่างไรก็ตาม กลุ่มเจ้าหน้าที่สาธารณสุขทั้งภาครัฐและเอกชน ระบุในแถลลการณ์ฉบับหนึ่งที่ออกระหว่างการประชุมของซีดีซีว่า แม้ว่าจะมีความเสี่ยง แต่ประโยชน์ของการฉีดวัคซีนต้านโควิด-19 ก็มีมากกว่า พร้อมเรียกร้องให้เยาวชนอเมริกันอายุ 12 ปีขึ้นไป เข้ารับการฉีดวัคซีน เพราะความเสี่ยงจากการปฏิเสธวัคซีน เลวร้ายกว่าการเกิดผลข้างเคียงจากวัคซีนมาก โดยเฉพาะอย่างยิ่งไวรัสสายพันธุ์เดลตา ที่ติดเชื้อได้ง่าย ยังคงระบาดในวงกว้าง และทำให้คนหนุ่มสาวล้มป่วยมากขึ้น
ก่อนหน้านี้ในประเทศอิสราเอลมีกรณีที่คล้ายกันในช่วงเดือนเมษายน โดยกระทรวงสาธารณสุขตรวจพบว่าหลังกลุ่มผู้ได้รับวัคซีนไฟเซอร์-ไบโอเอ็นเทค ที่อายุไม่เกิน 30 ปี มีอาการกล้ามเนื้อหัวใจอักเสบ แต่มักเกิดขึ้นหลังได้รับเข็มที่ 2 และยังไม่มีข้อสรุปจากการกรณีศึกษาที่อิสราเอล
เมื่อวันอังคารที่ผ่านมา ทำเนียบขาวยอมรับว่าจะไม่สามารถบรรลุเป้าหมาย ซึ่งประธานาธิบดีโจ ไบเดนตั้งไว้ว่าจะฉีดวัคซีนโควิด-19 อย่างน้อยหนึ่งเข็มให้กับ 70% ของคนอเมริกันวัยผู้ใหญ่ภายในวันที่ 4 กรกฎาคมซึ่งเป็นวันชาติอเมริกันได้ โดยเหตุผลสำคัญของเรื่องนี้คือความลังเลใจของกลุ่มคนวัย 18-26 ปีในอเมริกา