ผู้เชี่ยวชาญเตือนญี่ปุ่นเสี่ยงเปิดจุดอ่อนทางเศรษฐกิจหลังขัดแย้งกับจีน

ระหว่างการประชุมสภาไดเอ็ตเมื่อต้นเดือนนี้ ทาคาอิจิกล่าวว่า “การใช้กำลังต่อไต้หวัน” ของรัฐบาลกลางจีนอาจถือเป็น “สถานการณ์คุกคามการอยู่รอด” สำหรับญี่ปุ่น และบ่งบอกเป็นนัยถึงความเป็นไปได้ที่ญี่ปุ่นอาจใช้กำลังแทรกแซงในช่องแคบไต้หวัน
แม้จีนจะเรียกร้องมาแล้วหลายครั้งหลายหนให้เธอถอนคำพูดดังกล่าว แต่ทาคาอิจิ ซึ่งเพิ่มเข้ารับตำแหน่งเมื่อเดือนที่แล้ว ยังคงปฏิเสธไม่ยอมถอนคำพูด
ปฏิกิริยาแรกของจีนรุนแรงและชัดเจน รวมถึงการระงับการนำเข้าอาหารทะเลจากญี่ปุ่น โดยโฆษกกระทรวงต่างประเทศ เหมา หนิง ระบุว่า แม้อาหารทะเลญี่ปุ่นจะถูกส่งออกยังจีน ก็ “จะไม่มีตลาดรองรับ” พร้อมทั้งหยุดการหารือเกี่ยวกับการกลับมานำเข้าเนื้อวัวญี่ปุ่นอีกด้วย
มาตรการเหล่านี้เป็นสัญญาณชัดเจนถึงผลกระทบที่อาจเกิดจากคำกล่าวของทากาอิจิ และด้วยระดับการพึ่งพาทางเศรษฐกิจของญี่ปุ่นที่มีต่อจีนในปัจจุบัน ผลลัพธ์ที่ตามมาอาจรุนแรงอย่างยิ่ง
นับจากเดือนมกราคมถึงตุลาคม มีเพียงร้อยละ 4.2 ของการส่งออกจีนที่ไปญี่ปุ่น ขณะที่มากถึงร้อยละ 19 ของการส่งออกญี่ปุ่นไปยังจีน สะท้อนให้เห็นว่าตลาดจีนมีความสำคัญต่อญี่ปุ่นเพียงใด
ลิ่ว เฉียงปิน อดีตศาสตราจารย์จากมหาวิทยาลัยแห่งชาติโยโกฮามาในญี่ปุ่นกล่าวว่า ข้อพิพาทครั้งนี้อาจทำให้ญี่ปุ่นตกอยู่ในความเสี่ยงอย่างมาก
เขากล่าวว่า "ญี่ปุ่นพึ่งพาการนำเข้าทรัพยากรต้นน้ำและปัจจัยการผลิตเทคโนโลยีสะอาดที่สำคัญในเชิงโครงสร้าง จีนสามารถดูดซับแรงกระแทกได้ด้วยการทดแทนและทักษะ แต่ญี่ปุ่นทำไม่ได้ วาทกรรมเสี่ยงเช่นนี้ นำหน้าความเป็นจริงทางวัตถุ ทำให้ญี่ปุ่นตกอยู่ในสถานการณ์ที่เสี่ยงในบริบทเชิงยุทธศาสตร์"
การพึ่งพาจีนของญี่ปุ่นยังขยายไปตามห่วงโซ่อุปทาน ซึ่งเมื่อปีที่แล้ว ญี่ปุ่นนำเข้าสินค้ากว่า 1,400 หมวดจากจีน คิดเป็นกว่าครึ่งของการนำเข้าทั้งหมด มากกว่าสองเท่าของที่นำเข้าจากสหรัฐฯ
อุตสาหกรรมหลักที่ขับเคลื่อนเศรษฐกิจญี่ปุ่น อย่างยานยนต์ อิเล็กทรอนิกส์ และเครื่องจักรความแม่นยำ ล้วนพึ่งพาวัตถุดิบจากจีนอย่างมาก
ยกตัวอย่าง เช่น จีนครอบครองสำรองแร่แรร์เอิร์ธ หรือแร่หายากทั่วโลกราวร้อยละ 37 ในขณะที่ภาคส่วนพลังงานแสงอาทิตย์และแบตเตอรี่ของญี่ปุ่น ก็ใช้ประโยชน์จากส่วนประกอบโฟโตโวลตาอิคส์ หรือส่วนประกอบของระบบเซลล์แสงอาทิตย์ของจีนอย่างมาก โดยมีการพึ่งพาจีนมากกว่าร้อยละ 40
ภาคการท่องเที่ยวก็มีความเสี่ยงสูงเช่นกัน นักท่องเที่ยวจีนเป็นกลุ่มที่ใช้จ่ายสูงที่สุดในญี่ปุ่นในปี 2567 คิดเป็นประมาณร้อยละ 30 ของรายได้ท่องเที่ยวจากชาวต่างชาติทั้งหมด
ขณะนี้มีการยกเลิกทัวร์จำนวนมาก หลังจากกระทรวงวัฒนธรรมและการท่องเที่ยวของจีนแนะนำให้พลเมืองจีนหลีกเลี่ยงการเดินทางไปญี่ปุ่น โดยอ้างเหตุผลด้านความปลอดภัย มีการยกเลิกเที่ยวบินประจำระหว่างจีนและญี่ปุ่นเพิ่มมากขึ้นเรื่อย ๆ
ทาคาอิจิกำลังเผชิญแรงกดดันภายในประเทศจากผู้นำการเมือง และภาคธุรกิจที่แสดงความกังวลว่า วาทกรรมของเธออาจนำไปสู่ผลเสียร้ายแรง
สำนักข่าวเกียวโดรายงานว่า โยชิฮิโกะ โนดะ หัวหน้าพรรคฝ่ายค้านหลัก พรรคประชาธิปไตยรัฐธรรมนูญ ได้เรียกร้องให้ทากาอิจิแก้ไขความสัมพันธ์กับจีน ก่อนหน้านี้ โนดะเคยวิจารณ์ถ้อยแถลงของเธอ โดยชี้ว่าคำพูดดังกล่าว “ล้ำเส้น” และผลักดันความสัมพันธ์จีน–ญี่ปุ่นเข้าสู่สถานการณ์ที่รุนแรงอย่างยิ่ง
วาทกรรมที่ยั่วยุของนายกรัฐมนตรีญี่ปุ่นครั้งนี้ ยังจุดกระแสการประณามจากนานาชาติอย่างกว้างขวาง โดยนักวิเคราะห์หลายรายเตือนว่า คำกล่าวของเธออาจเป็นภัยต่อเสถียรภาพในภูมิภาคด้วย
Tag
ยอดนิยมในตอนนี้
