นักวิทยาศาสตร์เผยดาวหาง 3I/ATLAS กำลังสร้างหางและมีองค์ประกอบแปลกประหลาด

5 กันยายนที่ผ่านมา นักดาราศาสตร์เปิดเผยข้อมูลดาวหางระหว่างดวงดาว 3I/ATLAS ซึ่งเป็นวัตถุชิ้นที่สามที่รู้จักกันว่าเดินทางผ่านระบบสุริยะของเรา และมีต้นกำเนิดจากระบบดาวอื่น กำลังสร้างความตื่นเต้นในหมู่นักดาราศาสตร์ โดยในวันที่ 27 สิงหาคม ทีมวิทยาศาสตร์และนักศึกษาที่ใช้กล้องโทรทรรศน์ Gemini South ในชิลี สามารถจับภาพการก่อตัวของหางบนดาวหางดวงนี้ได้อย่างน่าทึ่ง
ดร. คาเรน มีช หัวหน้าทีมและนักดาราศาสตร์จากสถาบันดาราศาสตร์ของมหาวิทยาลัยฮาวาย กล่าวว่า "เราตื่นเต้นที่ได้เห็นการเติบโตของหาง ซึ่งบ่งบอกถึงการเปลี่ยนแปลงของอนุภาคจากการถ่ายภาพ ภาพนี้ไม่เพียงแต่เป็นเหตุการณ์สำคัญทางวิทยาศาสตร์เท่านั้น แต่ยังเป็นแรงบันดาลใจให้เกิดความอัศจรรย์ใจอีกด้วย โดยเตือนให้เราเห็นว่าระบบสุริยะของเราเป็นเพียงส่วนหนึ่งของกาแล็กซีอันกว้างใหญ่และมีพลวัต
การค้นพบและกิจกรรมก่อนกำหนดที่น่าประหลาดใจ
ดาวหางระหว่างดวงดาว 3I/ATLAS ถูกค้นพบอย่างเป็นทางการเมื่อวันที่ 1 กรกฎาคม 2025 โดยระบบ ATLAS (Asteroid Terrestrial-impact Last Alert System) แต่จริง ๆ แล้ว กล้องโทรทรรศน์ TESS (Transiting Exoplanet Survey Satellite) ได้บันทึกภาพดาวหางดวงนี้ตั้งแต่เดือนพฤษภาคม 2025 และพบว่ามันเริ่มแสดงกิจกรรมปล่อยหางยาวออกมา เนื่องจากถูกอิทธิพลจากดวงอาทิตย์ แม้อยู่ห่างจากดวงอาทิตย์ถึง 6 หน่วยดาราศาสตร์ (AU) ซึ่งอยู่นอกวงโคจรของดาวพฤหัสบดี ทั้งที่ โดยทั่วไปดาวหางส่วนใหญ่จะเริ่มได้รับอิทธิพลจากดวงอาทิตย์ เมื่อเข้าใกล้ดวงอาทิตย์น้อยกว่า 5 หน่วยดาราศาสตร์ (AU)
ดังนั้น การที่ดาวหางระหว่างดวงดาว 3I/ATLAS เริ่มมีหางยาวออกมา แม้อยู่ระยะห่างจากดวงอาทิตย์น้อยกว่า 5 หน่วยดาราศาสตร์ (AU) ถือเป็นสิ่งที่น่าสนใจอย่างยิ่ง สาเหตุเกิดจากน้ำแข็งบนหรือใต้พื้นผิวของมันระเหิดกลายเป็นก๊าซโดยตรง ก่อให้เกิดชั้นบรรยากาศรอบ ๆ ตัว หรือที่เรียกว่าโคมา (Coma)
องค์ประกอบคาร์บอนไดออกไซด์สูงเป็นพิเศษ
เครื่องมือของ NASA และ ESA เช่น กล้องโทรทรรศน์อวกาศฮับเบิล (Hubble), SPHEREx, JWST (James Webb Space Telescope) และ TESS ต่างยืนยันว่า 3I/ATLAS มีการปล่อยก๊าซออกมาอย่างต่อเนื่อง และที่น่าสนใจ คือ ชั้นบรรยากาศโคมา (Coma) ของดาวหางมีสัดส่วนของคาร์บอนไดออกไซด์สูงกว่าที่นักวิทยาศาสตร์มักจะเห็นในดาวหางทั่วไป
ข้อมูลจากกล้อง JWST ที่สังเกตดาวหางเมื่อต้นเดือนสิงหาคมที่ระยะ 3.32 หน่วยดาราศาสตร์ (AU) จากดวงอาทิตย์ ชี้ให้เห็นว่าชั้นบรรยากาศโคมา (Coma) ของดาวหาง ประกอบด้วยคาร์บอนไดออกไซด์และน้ำมีอยู่ในอัตราส่วน 8 ต่อ 1 ซึ่งเป็นสัดส่วนของคาร์บอนไดออกไซด์ที่สูงที่สุดเท่าที่เคยเห็นมาในดาวหาง
นอกจากนี้การวัดผลจากกล้องโทรทรรศน์ SPHEREx ในกลางเดือนสิงหาคม 2025 ที่ระยะ 3.3 ถึง 3.1 หน่วยดาราศาสตร์ (AU) ก็ยืนยันการมีอยู่ของโคมาที่อุดมด้วยคาร์บอนไดออกไซด์และน้ำ ทั้งที่ในเวลานั้นยังไม่พบหางหรือลำแสงใด ๆ
นักวิจัยที่ค้นพบข้อมูลจากกล้อง TESS คาดการณ์ว่าการที่ดาวหางได้รับอิทธิจากดวงอาทิตย์ก่อนกำหนดอาจเกี่ยวข้องกับองค์ประกอบของตัวมันเอง เนื่องจากน้ำแข็งบางชนิดระเหิดได้ง่ายกว่าชนิดอื่น และคาร์บอนไดออกไซด์ก็เป็นหนึ่งในนั้น การสังเกตการณ์เหล่านี้เข้ากันได้กับนิวเคลียสที่มี CO2 สูงโดยธรรมชาติ ซึ่งอาจบ่งชี้ว่า 3I/ATLAS มีน้ำแข็งที่สัมผัสกับรังสีในระดับที่สูงกว่าดาวหางในระบบสุริยะ หรืออาจก่อตัวขึ้นใกล้กับเส้นน้ำแข็ง CO2 ในจานดาวเคราะห์ก่อนเกิดของดาวแม่ของมัน
ความสำคัญทางวิทยาศาสตร์และโอกาสในอนาคต
การศึกษาดาวหางระหว่างดวงดาว 3I/ATLAS ซึ่งเป็นวัตถุระหว่างดวงดาวชิ้นที่ 3 ต่อจาก 'Oumuamua และ 2I/Borisov ได้มอบโอกาสให้แก่นักวิทยาศาสตร์ในการศึกษาวัสดุจากระบบดาวเคราะห์อื่น การวิเคราะห์สเปกตรัมของแสงที่ปล่อยออกมาจากดาวหางช่วยให้นักวิทยาศาสตร์สามารถระบุองค์ประกอบทางเคมีของมันได้
การสังเกตการณ์ใหม่เหล่านี้ชี้ให้เห็นว่าองค์ประกอบทางเคมีของดาวหางระหว่างดวงดาว 3I/ATLAS คล้ายกับดาวหางที่มีต้นกำเนิดในระบบสุริยะของเรา นี่เป็นข้อบ่งชี้ที่สำคัญว่ากระบวนการที่ก่อให้เกิดดาวเคราะห์ในระบบสุริยะเมื่อประมาณ 4.6 พันล้านปีก่อน อาจเป็นเรื่องปกติสำหรับระบบดาวเคราะห์อื่น ๆ หรืออยู่นอกระบบสุริยะของเรา
ไบรซ์ โบลิน นักวิจัยจาก Eureka Scientific กล่าวว่า "ดาวหางระหว่างดวงดาวทุกดวงเป็นผู้ส่งสารจากระบบดาวอื่น และด้วยการศึกษาแสงและสีของพวกมัน เราสามารถเริ่มเข้าใจความหลากหลายของโลกที่อยู่เหนือเรา"
การสังเกตการณ์ที่จำกัดและแผนการในอนาคต
แม้ว่าดาวหางระหว่างดวงดาว 3I/ATLAS จะมีจุดที่เข้าใกล้ดวงอาทิตย์มากที่สุด (Perihelion) ในวันที่ 29 ตุลาคม แต่ตำแหน่งของมันจะถูกซ่อนอยู่หลังดวงอาทิตย์ อย่างไรก็ตาม นักวิทยาศาสตร์กำลังศึกษาาตำแหน่งของยานอวกาศในโคจรของดาวอังคารที่อาจจับภาพของดาวหางได้เมื่อมันเข้าใกล้ดาวอังคาร
โดยหลังจากดาวหางระหว่างดวงดาว 3I/ATLAS โคจรไปยังจุดที่เข้าใกล้ดวงอาทิตย์มากที่สุด (Perihelion) ดาวหางจะเคลื่อนตัวออกจากระบบสุริยะ และนักวิทยาศาสตร์จะใช้ยานอวกาศ Juno ที่โคจรอยู่บริเวณดาวพฤหัสบดี ตรวจสอบดาวหางดวงนี้ซ้ำอีกครั้งในเดือนมีนาคม 2026
นอกจากนี้ กล้องโทรทรรศน์ Gemini South ซึ่งเป็นส่วนหนึ่งของหอดูดาว Gemini ที่ตั้งอยู่ในประเทศชิลี จะมีโอกาสตรวจสอบดาวหางระหว่างดวงดาว 3I/ATLAS อีกครั้งเมื่อมันปรากฏออกมาจากอีกด้านหนึ่งของดวงอาทิตย์ในเดือนพฤศจิกายน 2025
สำหรับดาวหางระหว่างดวงดาว 3I/ATLAS ได้พิสูจน์แล้วว่าเป็นวัตถุระหว่างดวงดาวที่แปลกประหลาด และน่าทึ่งอย่างยิ่ง การปล่อยก๊าซก่อนกำหนดและองค์ประกอบที่อุดมด้วยคาร์บอนไดออกไซด์ให้ข้อมูลเชิงลึกที่มีค่าเกี่ยวกับสภาพแวดล้อมการก่อตัวและการเดินทางของมัน นักวิทยาศาสตร์ต่างรอคอยข้อมูลเพิ่มเติมจาก "ผู้ส่งสารจากระบบดาวอื่น" ที่น่าหลงใหลดวงนี้
การเดินทางของดาวหางระหว่างดวงดาว 3I/ATLAS ไม่เพียงแต่เป็นการเพิ่มพูนองค์ความรู้ทางวิทยาศาสตร์เกี่ยวกับวัตถุระหว่างดวงดาวเท่านั้น แต่ยังสะท้อนถึงความจริงที่ว่า เรายังมีอีกมากที่ต้องค้นหาและทำความเข้าใจกับจักรวาลอันกว้างใหญ่ที่เราเป็นเพียงเศษเสี้ยวเล็ก ๆ ของมัน
ทุกการค้นพบใหม่ไม่ว่าจะเล็กหรือใหญ่ ต่างเป็นชิ้นส่วนของปริศนาที่ช่วยให้มนุษย์ก้าวเข้าใกล้คำตอบว่าเราอยู่ตรงไหนในเอกภพ และอนาคตของการสำรวจจักรวาลจะพาเราไปสู่ความรู้และแรงบันดาลใจที่ลึกซึ้งยิ่งขึ้น
Tag
ยอดนิยมในตอนนี้
