รีเซต

ส่อง5หุ้นสายซิ่ง เทคนิคดีกำไรมา

ส่อง5หุ้นสายซิ่ง เทคนิคดีกำไรมา
ทันหุ้น
28 กันยายน 2563 ( 07:45 )
2.5K
ส่อง5หุ้นสายซิ่ง เทคนิคดีกำไรมา

ทันหุ้นสู้โควิด - หุ้นไทยเสี่ยงสูง มรสุมรุมเร้า SCBS แนะกระชับพอร์ต เทหุ้นใหญ่  กำเงินสดรอซื้อกลับช่วงหลุด 1,200 จุด พร้อมเชียร์หุ้นขนาดกลาง-เล็ก กำไรครึ่งปีหลังดี ชู "ICHI-ILINK-NOBLE-TKN-ZIGA"เทคนิคสวย

 

นายเอกภาวิน สุนทราภิชาติ ผู้อำนวยการฝ่ายวิเคราะห์ บล.ไทยพาณิชย์ กล่าวในงานสัมมนารวมพลคนทันหุ้น วันเสาร์ที่ 26 ก.ย.63 ที่ผ่านมาว่า ฝ่ายวิเคราะห์มองตลาดหุ้นไทยมีโอกาสปรับตัวลงต่อ หลังตลาดมีความเสี่ยงสูงขึ้นจากหลายปัจจัย อาทิ การปรับฐานของตลาดต่างประเทศ การปรับลงของราคานํ้ามัน และการระบาดของโควิด-19 รอบใหม่ คาดจะกดดันให้ภาวะตลาดหุ้นไทยยังไม่จบขาลงและมีกรอบการขึ้นจำกัดมากขึ้น เนื่องจากขณะนี้มีเพียงแค่ปัจจัยบวกเดียวที่ช่วยพยุงตลาด คือ ข่าวความคืบหน้าการพัฒนาวัคซีนโควิด-19 ส่งผลให้ภาพดัชนีหุ้นไทยมี Downside มากกว่า Upside ซึ่งเป็นจุดที่ต้องระวัง

 

ขณะที่แนวโน้มดอลลาร์สหรัฐแข็งค่าหาบริเวณ 96.00 จุด ส่วนกรอบล่างคาดเป็นจุดรองรับได้อยู่ที่บริเวณ 92.50-93.50 จุดดอลลาร์ซึ่งมีโอกาสแข็งค่าเป็นลบต่อสินทรัพย์เสี่ยง นํ้ามัน และทองคำ, แนวโน้มค่าเงินบาทเคลื่อนไหวออกด้านข้างในกรอบ 30.80-32.00 บาทต่อดอลลาร์, แนวโน้มราคาทองคำ มีแนวรับที่ 1840และ 1810 เหรียญฯ คาด downside จำกัด ดังนั้นรอซื้อสะสมบริเวณ 1810-1840 เหรียญฯ, แนวโน้มราคานํ้ามันกรอบบนถูกจำกัดบริเวณ 42-44 เหรียญฯ และมี downside บริเวณ 35 เหรียญฯ ดังนั้นหุ้นกลุ่มนํ้ามัน โรงกลั่น และปิโตรฯแนะนำลดนํ้าหนักและหลีกเลี่ยง

 

กำเงินรอช้อนหลุด 1200

นายเอกภาวิน กล่าวว่า แนวโน้มตลาดหุ้นไทยรอบนี้เข้าสู่แนวโน้มลง และหลุดแนวรับ 1,270 จุด โดยมีแนวรับถัดไปที่ 1,235 / 1,215-1,220 และ 1,150 จุด ตามลำดับ ด้านกรอบบนถูกจำกัดบริเวณ 1,260-1,270 จุด กลยุทธ์คือกระชับพอร์ต เพื่อรอซื้อกลับเมื่อตํ่ากว่า 1,200 จุดลงไป ขณะที่มูลค่าพื้นฐานตลาดยังไม่ถูก อิงกำไรปี 64 ยังเทรด P/E ระดับที่ 17 เท่า เทียบค่าเฉลี่ยอยู่ที่ 15-16 เท่‹า (มูลค่าจะเริ่มน่าสนใจบริเวณ 1,150-1,200 จุด)

 

โดยกลุ่มหลักที่แนะนำลดนํ้าหนักลงทุน ได้แก่ กลุ่มขนส่ง (BTS, BEM) กลุ่มโรงแรม (ERW, MINT, CENTEL) และกลุ่มห้างสรรพสินค้า (CRC, CPN, BJC) ซึ่งคาดได้รับผลกระทบจากความกังวลโควิด-19 ระบาดรอบใหม่ ส่วนกลุ่มเดิมที่ยังคงแนะนำหลีกเลี่ยงลงทุนต่อไป ได้แก่ พลังงาน, โรงกลั่น,ธนาคาร,สายการบิน,สินเชื่อเพื่อการบริโภค

 

ชู5หุ้นกำไรครึ่งหลังดี

 

สำหรับหุ้นขนาดกลางและเล็กที่มีโมเมนตัมกำไรดีในช่วงครึ่งหลังของปีนี้ยังเคลื่อนไหวโดดเด่น เน้นทยอยเข้าซื้อเมื่อราคาอ่อนตัว แนะนำ 1.หุ้น ICHI คาดราคาหุ้นเปลี่ยนแนวโน้มรอบใหญ่ โดยมีแนวต้านเป้าหมายที่ 13.20-14.00 และ 16.30 บาทตามลำดับ แนวรับอยู่ที่ 10.00-11.00 บาท ตํ่ากว่า 9.70 บาท cut loss

 

2.หุ้น ILINK คาดราคาหุ้นเปลี่ยนแนวโน้มรอบใหญ่ โดยมีแนวต้านเป้าหมายที่ 6.50 และ 7.00-7.10 บาท ตามลำดับ แนวรับอยู่ที่ 5.30-5.50 บาท ตํ่ากว่า 5.00 บาท cut loss

 

3.หุ้น NOBLE คาดราคาหุ้นเปลี่ยนแนวโน้มรอบใหญ่ โดยมีแนวต้านเป้าหมายที่ 20.00 และ 22.80 บาท ตามลำดับแนวรับอยู่ที่ 16.50-17.00 บาท ตํ่ากว่า 15.50 บาท cut loss

 

4.หุ้น TKN คาดราคาหุ้นเปลี่ยนแนวโน้มรอบใหญ่ โดยหากขึ้นทะลุผ่าน 11.70-12.00 บาท จะเป็นสัญญาณที่ดีขึ้น และมีแนวต้านเป้าหมายถัดไปที่ 14.00 และ 17.00 บาทตามลำดับ แนวรับอยู่ที่ 10.00-10.30 บาท ตํ่ากว่า 9.55 บาท cut loss

 

5.หุ้น ZIGA คาดราคาหุ้นเปลี่ยนแนวโน้มรอบใหญ่ โดยมีแนวต้านเป้าหมายที่ 2.60, 2.84 และ 3.00 บาทตามลำดับ แนวรับอยู่ที่ 2.10-2.16 บาท ตํ่ากว่า 1.90 บาท cut loss

 

ZIGAกำไรขาขึ้นQ3พีค

 

บทวิเคราะห์ บล.ไทยพาณิชย์ ระบุว่า จากการสัมภาษณ์คุณศุภกิจ งามจิตรเจริญ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร ZIGA พบว่า ปี 63 บริษัทตั้งเป้ารายได้ 1 พันล้านบาท เติบโตเกิน 30% หลังมีคำสั่งซื้อต่อเนื่องในสินค้าบริษัทอย่างเหล็กโครงสร้าง Pre-zinc และท่อเหล็กร้อยสายไฟ ด้านศักยภาพทำกำไรจะดีขึ้นโดยตั้งเป้ากลับไปมีอัตรากำไรสุทธิระดับสองหลักเหมือนปี60 ผลจากประหยัดต่อขนาดหลังบริหารสินค้าคงคลังได้ดีขึ้นจากขยายคลังสินค้า และเพิ่มช่องจัดจำหน่ายให้แก่ลูกค้ารายย่อยทั้งออนไลน์และออฟไลน์ (เปิดร้านในสาขาของ DCC) แม้ปัจจุบันรายได้ยังไม่มากแต่มีมาร์จิ้นดีกว่าช่องจัดจำหน่ายเดิมที่ผ่านร้านค้าปลีกดั้งเดิมและสมัยใหม่

 

ทั้งนี้ในปี 64 ตั้งเป้ารายได้โตต่อ 15% จากสินค้าหลักที่คาดยังโตดีหลังได้รับความนิยมเพิ่มขึ้นและจะเริ่มรับรู้ยอดขายสินค้าใหม่ อาทิ ลวดเชื่อมไฟฟ้า, สีทาเหล็กกัลป์วาไนซ์ เป็นต้น อีกทั้งมีแผนเปิดร้านค้าในสาขาของ DCC เพิ่มจากปัจจุบัน 4 สาขา เป็น 60 สาขาในปี 64 และ 120 สาขาในปี 65

 

ฝ่ายวิเคราะห์มองว่า ในช่วงครึ่งหลังของปีนี้คาดเติบโตเด่นทั้งจากปีก่อนและครึ่งปีแรกที่ผ่านมา โดยไตรมาส 3/63 คาดกำไรพีคของปีนี้ หลังมีออเดอร์ไหลเข้าต่อโดยเฉพาะเหล็กโครงสร้างแบบกลมซึ่งมีมาร์จิ้นดีทำให้ตั้งแต่เม.ย.-ปัจจุบันต้องเดินเครื่องจักรเต็มกำลังผลิต 

 

ส่วนท่อร้อยสายไฟพบมี Backlog 400 ล้านบาทซึ่งจะทยอยส่งมอบให้ลูกค้าโครงการตามสัญญาที่กำหนดช่วยให้มาร์จิ้นมีแนวโน้มดีขึ้นจากผลประหยัดต่อขนาด ส่งผลให้ปี 63 คาดมีกำไรสุทธิ 84 ล้านบาทพลิกเติบโตเป็นครั้งแรกนับจากเข้า ตลท.ราว 139%จากปีก่อน และคาดโตต่อราว 10%ในปี 64 จากกระแสนิยมใช้เหล็ก Pre-zinc แทนเหล็กท่อดำมากขึ้น โมเมนตัมกำไรเป็นขาขึ้นและ Valuation ยังน่าสนใจ อีกทั้งคาดจ่ายปันผลปีนี้หุ้นละ 0.08 บาท คิดเป็น Div. Yield 4.5%

 

ข่าวที่เกี่ยวข้อง