เปิดมุมมอง 3 โบรกเกอร์ ส่องกลยุทธ์ลงทุน พร้อมเสิร์ฟหุ้นเด่นวันนี้
#SET #ทันหุ้น - บล.ฟินันเซีย ไซรัส จำกัด (มหาชน) มองแนวโน้มตลาดวันนี้ คาด SET Index มีแนวโน้มฟื้นตัวได้ต่อเนื่องเข้าหากรอบ 1,430-1,440 จุด จากบรรยากาศการลงทุนที่ยังผ่อนคลายต่อเนื่องหลังตัวเลขการจ้างงานนอกภาคเกษตรสหรัฐฯเดือน ต.ค. ที่ออกมาเพิ่มขึ้นเพียง 1.5 แสนตำแหน่ง ต่ำกว่าที่คาด ขณะที่ค่าจ้างแรงงาน +0.2% m-m, +4.1% y-y ชะลอตัวลงจากเดือนก่อนหน้า ทำให้ตลาดเพิ่มความเชื่อมั่นว่าอัตราดอกเบี้ยนโยบายของ FED ที่ 5.25-5.5% ณ ปัจจุบันจะเป็นจุดสูงสุดแล้ว ส่งผลให้ Bond Yield ขยับปรับตัวลงและหนุนสินทรัพย์เสี่ยงยังคงอยู่ในช่วงฟื้นตัวระยะสั้น
ส่วนปัจจัยในประเทศวันนี้ติดตามตัวเลขเงินเฟ้อเดือน ต.ค. ตลาดคาด Headline Flat y-y ส่วน Core คาด +0.6% y-y หากออกมาต่ำกว่าคาดจะยิ่งเป็นปัจจัยหนุนตลาดหุ้นไทย นอกจากนี้วันที่ 10 ส.ค. จะมีการประชุมประชุมบอร์ดเงินดิจิทัลชุดใหญ่ซึ่งคาดว่าจะมีการเคาะหลักเกณฑ์ เงื่อนไขการแจกและผู้ได้รับเงิน ขณะที่ 1-2 สัปดาห์นี้โฟกัสยังคงอยู่ที่การประกาศกำไร 3Q23 ของบจ.ซึ่งจะหนาแน่นมากขึ้น ซึ่งต้องติดตามว่าประมาณการกำไรปี 2024 จะถูกปรับลงมากน้อยเพียงใด อย่างไรก็ตามด้าน Valuation ของ SET ปัจจุบันเรามองว่าไม่แพงที่ระดับ 1,400 จุดหรือต่ำกว่าเริ่มมี Downside ที่จำกัด เรามองกรอบล่างของดัชนีที่ 1,320-1,360 จุด เป็นระดับที่น่าสนใจในการสะสมหุ้นเพิ่มสำหรับการลงทุนระยะกลาง-ยาว
กลยุทธ์ : เลือกหุ้นที่มีโมเมนตัมกำไร 3Q23 แข็งแกร่งและ PER/PBV ต่ำเทียบกับ Pre-Covid // รอจังหวะสะสมเพื่อถือลงทุนระยะยาวหากปรับลงหากรอบ 1,320-1,360+- จุด
หุ้นเด่นเดือน พ.ย.: AOT, BH, CENTEL, CPN, SISB
หุ้นเด่นวันนี้ : SJWD
• แนะนำ “ซื้อ” ราคาเป้าหมาย 21 บาท
• เราคาดกำไรสุทธิ 140 ลบ. +8% q-q, +25% y-y แม้จะมีรายจ่าย one time จากการรวมธุรกิจของ SCGL ที่คาดไว้ 75 ลบ. ถ้าดูเฉพาะกำไรปกติคาดที่ราว 200 ลบ.หนุนจากรายได้ที่คาดดีขึ้น q-q เกือบทุกธุรกิจ ทั้งคลังสินค้า ห้องเย็น ลานจอดรถ และ Self Storage มีเพียงธุรกิจขนส่งที่ลดลงเล็กน้อยเพราะหน้าฝน
• แนวโน้ม 4Q23 จะดีต่อเนื่องเพราะไม่มีรายจ่ายพิเศษและดอกเบี้ยจ่ายลดลงหลังออกหุ้นกู้ส่วนหนึ่งไปรีไฟแนนซ์ ภายในสิ้นปีนี้น่าจะเห็นการประกาศดีล M&A 1-2 ดีล ปัจจุบันเราคาด EPS ปี 2023-24 –16% y-y และ +48% y-y ตามลำดับ
• แนวรับ 12//11 บาท แนวต้าน 12.50-12.80//13.20 บาท
**บล.คิงส์ฟอร์ด จำกัด ประเมินดัชนี SET มีโอกาส Sideway Up จากแนวโน้มดอกเบี้ยขาขึ้นใกล้ยุติ โดยวางแนวรับ 1,405 – 1,410 แนวต้าน 1,425 – 1,430 แนะนำซื้อเก็งกำไร GULF, GPSC, HANA, KCE, SAWAD ได้ประโยชน์จาก Bond Yield ลดลง / PTTGC, SCGP คาดกำไรมีแนวโน้มฟื้นตัว/ กลุ่มค้าปลีก & ท่องเที่ยว เช่น CPALL, AOT, ERW, CENTEL
GPSC* (ซื้อเก็งกำไร / ราคาเป้าหมาย IAA Consensus 64.50 บาท) ช่วงสั้นหุ้นโรงไฟฟ้าได้รับ Sentiment เชิงบวกจาก Bond Yield ที่เริ่มปรับตัวลดง ประกอบกกับแนวโน้มกำไร 3Q66 จะฟื้นตัวดีขึ้นทั้ง QoQ, YoY โดยมี Key Driver จากต้นทุนเชื้อเพลิงที่ปรับตัวลดลงตามราคาถ่านหินและก๊าซธรรมชาติ ช่วยชดเชยการปรับตัวลดลงของค่า FT ส่วนการเดินเครื่องโรงไฟฟ้าดีขึ้นเพราะโรงไฟฟ้า Glow Phase 5 กลับมาจากการปิดซ่อมบำรุง และยังมีส่วนแบ่งกำไรของโรงไฟฟ้าไซยะบุรีที่เข้า High season ฤดูฝน อย่างไรก็ตาม 4Q66 คงเห็นการอ่อนตัว QoQ ตามฤดูกาล และรับผลกระทบจากการปรับค่า FT ทั้งนี้ตลาดคาดกำไรสุทธิปี 66-67 อยู่ที่ 4.06 พันล้านบาท +456%YoY และ 5.83 +44%YoY
ITC* (ซื้อ/ ราคาเป้าหมาย 24.50 บาท) กำไรสุทธิ 3Q66 อยู่ที่ 645 ลบ. +45% QoQ, -56% YoY แม้ภาพ YoY จะยังหดตัวจากฐานที่สูง อย่างไรก็ตาม ภาพ QoQ เห็นการฟื้นตัวได้ดีชัดเจนจากการที่คู้ค้ากลับมาสต็อกสินค้าอีกครั้ง โดยเฉพาะในตลาด เอเชีย-โอเชียเนียและอื่นๆ ที่ยอดขาย +30%QoQ +1%YoY จากสินค้าใหม่ๆในไทยและญี่ปุ่น รวมไปถึงตลาดใหม่อย่างจีนที่ contribute สัดส่วนขึ้นเป็น 5.7% ส่วนการดำเนินงานช่วงถัดไป คาดว่ายังจะฟื้นตัวต่อได้ในแง่ของ QoQ ทั้งจากยอดขาย และ มาร์จิ้นที่กดดันน้อยลงจากต้นทุนราคาปลาทูน่าที่ลดลง ทั้งนี้ตลาดคาดว่าในปี66 และ67 กำไรสุทธิของ ITC จะอยู่ที่ระดับ 2,149 ลบ.(-52%YoY) และ 2,975 ลบ.(+38%YoY)
**บล.ดาโอ (ประเทศไทย) จำกัด (มหาชน) คาดกรอบดัชนีฯ สัปดาห์นี้ 1400-1430 จุด (สัปดาห์ที่ผ่านมา 1,419.76 จุด /+2.27%) ตลาดหุ้นสัปดาห์นี้คาดว่าภาพรวมตลาดจะดูดีขึ้น แต่ยังคงต้องระวังการขายทำกำไรในช่วง สั้น ที่ระดับดัชนีฯ 1420จุดไว้บ้าง
• ตลาดน่าจะให้น้ำหนักกับการชะลอการขึ้นดอกเบี้ยของ Fed มากกว่าทุก ๆ ครั้ง ทำให้ Flow เริ่มไหลกลับเข้ามาในตลาดเอเซีย
• สถานการณ์ตะวันออกกลางยังดุดัน แต่นักลงทุนน่าจะมองว่าอยู่ในวงจำกัด (จึงไม่กระทบ ตลาดอย่างที่เคยคาดการณ์)
• ของไทยสัปดาห์นี้จะมีงบออกเยอะ อาจจะมีแรงเข้าเก็งงบหุ้นที่คาดว่ากำไรจะออกมาดี
Strategy
• ถ้าดัชนีฯ กลับขึ้นมายืนเหนือ 1420 จุด ซึ่งเป็นจุดก่อนที่จะปรับตัวลงในรอบนี้ได้ แสดงถึงความ แข็งแรงของตลาด คำแนะนำโดยรวม กลับมาเป็นสะสมหุ้น โดยเลือกเป็นรายตัว แต่หากดัชนีฯ หลุดกรอบ 1410จุด ลงไปให้พิจารณาขายทำกำไร
• คาดจะมีแรงซื้อหุ้นเก็งเงินปันผล ครึ่งปีหลัง ของหุ้นที่เป็น High Dividend Yield วันนี้ เรา แนะนำ TISCO, SPALI, SCB
• หุ้นที่ราคาลงมาลึกๆ มีแรงซื้ออย่างเห็นได้ชัด หุ้นที่ยังมี gap ให้พอเล่นได้วันนี้ จะเป็น CBG , RBF, KCE , SNNP, TIDLOR, SAWAD
• หุ้นในพอร์ตวันนี้ เราเพิ่ม CBG, TRUE* เข้ามาในพอร์ต ทำให้หุ้นในพอร์ตวันนี้ ประกอบไปด้วย CBG(10%), TRUE*(10%) , RBF*(10%), BGRIM(10%), BEM(10%)
Strategy Stock Pick
CBG : (เป้าเชิงกลยุทธ์ 77 บาท) “ เล็งกำไรค่อยฟื้น ธุรกิจเบียร์ช่วยเสริม ”
• CBG เรามองในมุมของกำไรที่คาดว่าจะค่อยๆ ฟื้นตัว ก่อนหน้านี้ CBG ถูกกระทบจากทั้งส่วนของต้นทุนผลิตที่สูงขึ้น และปริมาณขายตามภาวะเศรษฐกิจ นอกจากนี้ การที่ CBG จะมีคำสั่งซื้อ packaging (กระป๋องขวดและลังเบียร์) เบียร์ของบริษัทในกลุ่มเดียวกัน น่าจะหนุนฐานรายได้ และความมั่นคงให้มากขึ้น
• ธุรกิจจำหน่ายเครื่องดื่มชูกำลังยังเดินหน้าต่อเนื่อง บริษัทยังคงราคาขายเครื่องดื่มชูกำลังคาราบาวที่ 10 บาท ทำให้ยังสามารถ รักษาระดับยอดขายได้ในระดับที่ดี
• เราประเมินกำไรสุทธิ 3Q23E ที่ 553 ล้านบาท (+16% YoY, +15% QoQ) กำไรขยายตัว YoY หนุนโดย 1) รายได้ในประเทศปรับตัวเพิ่มขึ้น +6% YoY จากรายได้ distribution business และรายได้ other sales ปรับตัวเพิ่มขึ้นจาก packaging ของเบียร์ที่เตรียมจะเริ่มจำหน่ายใน 4Q23
• ปี 2023E เราคาดกำไรสุทธิ 4Q23E จะขยายตัว YoY, QoQ จาก high season และต้นทุน packaging ที่ปรับตัวลดลง ประมาณการกำไรสุทธิปี 2023E ที่ 1,973 ล้านบาท (-14% YoY) และปี 2024E ที่ 2,880 ล้านบาท (+46% YoY)
Technical: FORTH, JMT
รู้ทันเกม รู้ก่อนใคร ติดตาม "ทันหุ้น" ที่นี่
FACEBOOK คลิก https://www.facebook.com/Thunhoonofficial/
YOUTUBE คลิก https://www.youtube.com/channel/UCYizTVGMealUUalT6VdUdNA
Tiktok คลิก https://www.tiktok.com/@thunhoon_
LINE@ คลิก https://lin.ee/uFms4n5
TELEGRAM คลิก https://t.me/thunhoon_news
Twitter คลิก https://twitter.com/thunhoon1