รีเซต

ประท้วง-จลาจลในสหรัฐฯ ประกาศเคอร์ฟิวเกือบ 40 เมือง รับมือ กรณีตำรวจจับกุมชายผิวดำรุนแรงจนเสียชีวิต

ประท้วง-จลาจลในสหรัฐฯ ประกาศเคอร์ฟิวเกือบ 40 เมือง รับมือ กรณีตำรวจจับกุมชายผิวดำรุนแรงจนเสียชีวิต
บีบีซี ไทย
1 มิถุนายน 2563 ( 17:40 )
545
1
ประท้วง-จลาจลในสหรัฐฯ ประกาศเคอร์ฟิวเกือบ 40 เมือง รับมือ กรณีตำรวจจับกุมชายผิวดำรุนแรงจนเสียชีวิต

Reuters
ตำรวจพยายามควบคุมฝูงชนในกรุงวอชิงตันดีซี

การประท้วง-ก่อจลาจล ในหลายเมืองทั่วสหรัฐฯ ดำเนินต่อเนื่องเป็นวันที่ 6 แล้ว จากกรณีนายจอร์จ ฟลอยด์ ชายอเมริกันเชื้อสายแอฟริกัน ที่เสียชีวิตจากการจับกุมด้วยความรุนแรงโดยตำรวจผิวขาว

 

มีการประกาศเคอร์ฟิวในเมืองเกือบ 40 เมืองทั่วสหรัฐฯ แต่ผู้ประท้วงส่วนใหญ่ไม่สนใจ นำไปสู่การปะทะกันอย่างรุนแรงระหว่างประชาชนและเจ้าหน้าที่

ตำรวจปราบจลาจลปะทะกับผู้ประท้วงในนิวยอร์ก, ชิคาโก, ฟิลาเดลเฟีย และลอสแองเจลิส มีการใช้แก๊สน้ำตา และสเปรย์พริกไทย เพื่อสลายฝูงชน

ในหลายเมือง รถตำรวจถูกจุดไฟเผา และร้านรวงถูกปล้น

 

กองกำลังพิทักษ์ชาติ ซึ่งเป็นกองกำลังทหารของสหรัฐฯ เพื่อสถานการณ์ฉุกเฉินในประเทศ ส่งเจ้าหน้าที่ 5,000 นาย ไปยัง 15 รัฐทั่วประเทศ รวมถึงกรุงวอชิงตันดีซี ซึ่งมีกลุ่มผู้ประท้วงรวมตัวกันใกล้ทำเนียบขาว และจุดไฟพร้อมกับปาหินใส่ตำรวจปราบจลาจล

 

สถานการณ์ประท้วง

เมื่อวานนี้ (31 พ.ค.) มีเหตุทำลายและจุดไฟเผารถตำรวจเกิดขึ้นหลายที่ ที่เมืองฟิลาเดลเฟีย ช่องโทรทัศน์ท้องถิ่นฉายภาพผู้คนเข้าทำลายรถตำรวจ และเข้าปล้นร้านค้าอย่างน้อยหนึ่งแห่ง

 

ประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ ทวีตข้อความว่ามีประชาชนปล้นร้านรวงที่ฟิลาเดลเฟีย และบอกว่าให้ "เรียกกองกำลังพิทักษ์ชาติที่ยิ่งใหญ่ของเรามาช่วย"

 

Getty Images
ที่เมืองฟิลาเดลเฟีย ช่องโทรทัศน์ท้องถิ่นฉายภาพผู้คนเข้าทำลายรถตำรวจ และเข้าปล้นร้านค้าอย่างน้อยหนึ่งแห่ง

ที่เมืองมินนีแอโปลิส ซึ่งเป็นที่ที่นายฟลอยด์เสียชีวิต คนขับรถบรรทุกคนหนึ่งถูกจับกุมตัวหลังมีรายงานว่าขับรถฝ่าแนวกั้นถนนและพุ่งเข้าหากลุ่มผู้ชุมนุม

วิดีโอบันทึกเหตุการณ์ที่โพสต์ในโซเชียลมีเดียแสดงภาพคนหลายสิบคนยืนล้อมรถคันนั้นและะดึงตัวคนขับออกมา ก่อนที่คนขับจะถูกนำตัวส่งโรงพบาบาลพร้อมอาการบาดเจ็บเล็กน้อย

 

ที่เมืองเดนเวอร์ มีผู้ประท้วงหลายพันคนชุมนุมอย่างสันติบริเวณตึกโคโลราโด สเตท แคปิทอล โดยนอนคว่ำลงกับพื้น เอามือไพล่หลัง และพูดว่า "ฉันหายใจไม่ออก"

ที่แอตแลนตา บอสตัน ไมอามี และโอคลาโฮมา ก็มีการประท้วงชุมนุมขนาดใหญ่เช่นกัน

 

EPA
มีรายงานว่ามีการจุดไฟเผารถตำรวจที่เมืองบอสตัน

ตั้งแต่การประท้วงเริ่มขึ้น มีรายงานว่าตำรวจใช้ความรุนแรงเกินความจำเป็นหลายกรณี อย่างที่แอตแลนตา ในรัฐจอร์เจีย เจ้าหน้าที่ตำรวจสองนายถูกไล่ออกเพราะใช้ความรุนแรงเกิดเหตุ โดยใช้ปืนไฟฟ้ายิงนักศึกษามหาวิทยาลัยสองคน

 

แอนโธนี เซอร์เคอร์ ผู้สื่อข่าวภูมิภาคอเมริกาเหนือของบีบีซี บอกว่า สามปีที่ผ่านมา วิกฤตที่ ปธน.ทรัมป์ เผชิญล้วนเป็นเรื่องเขาก่อขึ้นเองมาตลอด ต่างจากคราวนี้ เศรษฐกิจที่แย่จากวิกฤตโควิด-19 อยู่แล้ว มาผนวกกับสถานการณ์ความไม่สงบที่เกิดจากความขัดแย้งในประเด็นเชื้อชาติ

 

"สาธารณชนทั้งรู้สึกไม่มั่นใจ กลัว และก็โกรธเคืองขึ้นเรื่อย ๆ" เซอร์เคอร์ ระบุ และบอกอีกว่าการเรียกร้องให้คนในชาติปรองดองและเยียวยากันและกันของ ปธน.ทรัมป์ ถูกเบี่ยงเบนความสนใจด้วยเรื่องที่เขาไปปะทะกับทวิตเตอร์ บริษัทโซเชียลมีเดียยักษ์ใหญ่

 

กระบวนการทางกฎหมาย

ขณะนี้ นายเชาวินถูกตั้งข้อหาฆ่าคนตายโดยไม่ได้เจตนา ซึ่งนายเบนจามิน ครัมป์ ทนายความของครอบครัวนายฟรอยด์บอกว่า เป็นผลรับที่น่ายินดีแต่ก็ควรจะเกิดขึ้นตั้งนานแล้ว ด้านครอบครัวของนายฟลอยด์บอกว่าต้องการให้นายเชาวินถูกตั้งข้อหาฆ่าผู้อื่นโดยเจตนาและมีการวางเเผนไตร่ตรองไว้ก่อน และต้องการให้เจ้าหน้าที่ตำรวจอีกสามคนที่เกี่ยวข้องถูกจับกุมตัวด้ว

 

นายเชาวิน มีกำหนดขึ้นศาลวันนี้ (1 มิ.ย.)

 

Reuters
นายเชาวิน ถูกตั้งข้อหาฆาตกรรมและมีกำหนดขึ้นศาลวันจันทร์หน้าแล้ว

ตำรวจทำอะไรจอร์จ ฟลอยด์

เหตุการณ์นี้เกิดขึ้นในเมืองมินนีแอโปลิส ช่วงเย็นวันจันทร์ โดยตำรวจได้รับแจ้งว่า มีลูกค้าคนหนึ่งพยายามใช้ธนบัตร 20 ดอลลาร์ปลอมในร้านค้า

แถลงการณ์ของตำรวจระบุว่า เจ้าหน้าที่ได้ติดตามตัวจนพบชายผู้ต้องสงสัย ซึ่งภายหลังทราบชื่อว่า จอร์จ ฟลอยด์ โดยเขาอยู่ใน "สภาพมึนเมา และนั่งอยู่บนรถสีฟ้า"

 

จากนั้น ตำรวจสั่งให้นายฟลอยด์ถอยออกมาจากรถ แต่เขาขัดขืน จนตำรวจต้องควบคุมตัวและสวมกุญแจมือ แต่ระหว่างการจับกุมนั้นพบว่า ชายคนดังกล่าวมีอาการผิดปกติขึ้น

แต่ภาพที่ผู้เห็นเหตุการณ์ได้บันทึกเป็นวิดีโอความยาว 10 นาที แสดงให้เห็น นายฟลอยด์ ร้องโอดครวญด้วยความเจ็บปวด และพูดว่า "ผมหายใจไม่ออก" และ "อย่าฆ่าผม" หลายครั้ง ต่อเจ้าหน้าที่ตำรวจผิวขาว ที่ใช้เข่ากดทับลำคอของนายฟลอยด์เข้ากับพื้นถนน

 

ประชาชนที่เห็นเหตุการณ์หลายคนพยายามพูดกับเจ้าหน้าที่ว่าให้ยกเข่าออกจากลำคอของนายฟลอยด์ ที่อยู่ในสภาพนอนนิ่ง ไม่เคลื่อนไหว

ผู้เห็นเหตุการณ์คนหนึ่งเล่าว่า "มีเลือดไหลออกจากจมูกของเขา" ส่วนอีกคนบอกตำรวจให้ "ยกเข่าออกจากคอของเขา"

 

จอร์จ ฟลอยด์ ยังคงแน่นิ่ง ก่อนที่เจ้าหน้าที่ทางการแพทย์จะนำตัวเขาขึ้นรถพยาบาลไป และเสียชีวิตลงในภายหลัง โดยตำรวจเปิดเผยสาเหตุว่า นายฟลอยด์เสียชีวิตจาก "อุบัติเหตุทางการแพทย์" และ "การโต้ตอบกับตำรวจ"

 

ตำรวจยืนกรานว่า ไม่มีการใช้อาวุธระหว่างการจับกุมที่เกิดขึ้น ส่วนกล้องติดลำตัวของตำรวจ ได้ส่งมอบให้กับสำนักสืบสวนคดีอาญาแห่งรัฐมินนิโซตา (BCA) เพื่อประกอบการสอบสวนว่า ตำรวจที่มีส่วนเกี่ยวข้องนั้นได้ละเมิดกฎหมายของรัฐหรือไม่

 

ขณะที่ สำนักงานสอบสวนกลางของสหรัฐฯ หรือ เอฟบีไอ แถลงว่าจะสอบสวนเรื่องสลดที่เกิดขึ้นเช่นกัน

นายฟลอยด์ มีอายุ 46 ปี และเคยทำงานด้านรักษาความปลอดภัยให้กับร้านอาหารแห่งหนึ่ง

 

จับกุมจนตาย…ความปวดร้าวที่หวนคืน

ภาพตำรวจผิวขาวใช้ความรุนแรงจับกุมชายผิวดำ ก่อให้เกิดเสียงวิพากษ์วิจารณ์คล้ายกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นกับนายเอริก การ์เนอร์ ที่เสียชีวิตระหว่างการจับกุมในนครนิวยอร์กเมื่อปี 2014

 

ภายหลังการเสียชีวิตของนายการ์เนอร์ ประโยคว่า "ผมหายใจไม่ออก" กลายเป็นถ้อยคำที่ผู้ประท้วงใช้ต่อต้านการใช้ความรุนแรงของตำรวจในสหรัฐฯ มาจนถึงปัจจุบัน

นายการ์เนอร์ วัย 43 ปี ร้อง "ผมหายใจไม่ออก" ออกมาถึง 11 ครั้ง หลังตำรวจเข้าควบคุมตัวเขาฐานจำหน่ายบุหรี่อย่างผิดกฎหมาย และประโยค "ผมหายใจไม่ออก" ยังกลายเป็นถ้อยคำสุดท้ายของนายการ์เนอร์ ที่เสียชีวิตภายหลังตำรวจล็อกคอของเขา

 

แพทย์ยืนยันว่า การล็อกคอมีส่วนทำให้นายการ์เนอร์เสียชีวิต ส่วนเจ้าหน้าที่ตำรวจนครนิวยอร์กที่เกี่ยวข้องกับการจับกุมดังกล่าว ได้ถูกให้ออกจากราชการในอีก 5 ปีให้หลัง ในปี 2019 แต่จนถึงตอนนี้ ไม่มีเจ้าหน้าที่ตำรวจคนใดถูกตั้งข้อหา

 

ข่าวที่เกี่ยวข้อง