รีเซต

ประท้วงต้านผู้อพยพครั้งใหญ่กลางลอนดอน จับตาปลุกกระแส "ขวาจัด" ในยุโรป ?

ประท้วงต้านผู้อพยพครั้งใหญ่กลางลอนดอน จับตาปลุกกระแส "ขวาจัด" ในยุโรป ?
TNN ช่อง16
15 กันยายน 2568 ( 16:32 )
9

สรุปเหตุประท้วงต่อต้านผู้อพยพครั้งใหญ่ที่ปะทุขึ้นกลางกรุงลอนดอนของอังกฤษเมื่อช่วงสุดสัปดาห์ที่ผ่านมาที่มีประชาชนออกมาร่วมการประท้วงนับแสนคน เกิดอะไรขึ้นบ้าง ? และใครคือแกนนำที่ปลุกการประท้วงนี้ที่เรียกได้ว่าเป็นการประท้วงจากฝ่าย “ขวาจัด” ครั้งใหญ่ที่สุดในรอบหลายทศวรรษ

-เกิดอะไรที่กรุงลอนดอน-

ย้อนไปเมื่อวันเสาร์และวันอาทิตย์ที่ผ่านมา ถนนหลายสายในกรุงลอนดอนเต็มไปด้วยฝูงชนจำนวนมหาศาลที่จากการคาดการณ์ของเจ้าหน้าที่ตำรวจท้องถิ่นคือประมาณ 110,000 คน ที่ตัดสินใจลงถนนร่วมการประท้วงภายใต้ชื่อ Unite The Kingdom ที่มีแกนนำคือ “ทอมมี โรบินสัน” นักเคลื่อนไหวฝ่ายขวาจัด เพราะความไม่พอใจต่อกลุ่ม “ผู้อพยพ” ที่ชาวอังกฤษมองว่าคนกลุ่มนี้เข้ามาอาศัยในอังกฤษมากเกินไปโดยไร้การควบคุมจากรัฐบาล แต่การประท้วงอย่างสันติเริ่มทวีความรุนแรงขึ้นเมื่อมีผู้ประท้วงบางส่วนปะทะกับเจ้าหน้าที่ตำรวจ จนทำให้เจ้าหน้าที่ได้รับบาดเจ็บอย่างน้อย 26 คน แต่เจ้าหน้าที่ก็สามารถควมคุมตัวผู้ประท้วงได้ 24 คน เช่นกัน

-ใครคือ ทอมมี โรบินสัน-

ทอมมี โรบินสัน หรือชื่อจริง ๆ ของเขาคือ “สตีเฟน ยากซ์ลีย์-เลนนอน” ผันตัวจากการเป็นวิศวกรด้านการบินฝึกหัดมาสู่การเป็น “นักเคลื่อนไหวฝ่ายขวาจัด” ตัวยง ที่มีแนวคิดต่อต้านผู้อพยพ โรบินสันเคยถูกจำคุกเป็นเวลา 13 เดือน ในข้อหาละเมิดกฎหมายดูหมิ่นศาลด้วยการไลฟ์ผ่าน Facebook ด้านนอกศาลในเมืองลีดส์ ซึ่งหลังจากที่เขาถูกคุมตัวเกิดการประท้วงครั้งใหญ่ที่ชื่อว่า FreeTommy เรียกร้องให้มีการปล่อยตัวเขาโดยอ้างว่าทอมมีเป็นเหยื่อของการเซ็นเซอร์ แต่แม้ว่าเขาจะเคยถูกจำคุกก็ไม่ได้ทำให้กระแสและผู้ติดตามที่สนับสนุนแนวคิดแบบเดียวกับเขาลดลงเลยสักนิด

ในการประท้วงครั้งนี้ โรบินสันได้ขึ้นปราศรัยต่อฝูงชนว่า “การปฏิวัติได้เริ่มขึ้นแล้ว” (Revolution is on) และกล่าวว่าไม่ได้มีเพียงสหราชอาณาจักรที่ถูกบุกรุกจากผู้อพยพและไม่ได้มีเพียงสหราชอาณาจักรเท่านั้นที่กำลังเหมือนถูกข่มขืน แต่ทุกประเทศตะวันตกต่างเผชิญปัญหาเดียวกัน เขาอ้างว่ากำลังเกิดการบุกรุกและการแทนที่พลเมืองยุโรปอย่างมีการวางแผนและจัดเป็นระบบและการประท้วงนี้ก็ได้ทำให้สหราชอาณาจักรตื่นขึ้นแล้วในที่สุดหลังจากรอคอยมาหลายทศวรรษ

-การประท้วงที่เต็มไปด้วย “ธงชาติอังกฤษ”-

ในการประท้วงสามารถพบเห็น “ธงชาติอังกฤษ” หลากหลายรูปแบบท่ามกลางฝูงชนนับแสนได้อย่างชัดเจน ประกอบด้วยธงเซนต์จอร์จพื้นขาวประดับกางเขนสีแดง, ธง Union Jack พื้นน้ำเงินประดับกางเขนแดงและขาว นอกจากนี้ยังมีธงชาติสกอตแลนด์และธงชาติเวลส์ที่มีมังกรแดงแห่งเวลส์ หรือ Welsh dragon ประดับอยู่ตรงกลางมาร่วมประท้วงด้วย

และเพราะธงชาติที่เต็มไปด้วยความหลากหลายนี้ถูกนำมาใช้เป็นสัญลักษณ์ในการประท้วงเพื่อต่อต้านผู้อพยพ ทำให้ นายกรัฐมนตรีเคียร์ สตาร์เมอร์ ของอังกฤษ ที่ออกมาปรากฏตัวต่อสาธารณะครั้งแรกหลังเกิดการประท้วงเมื่อวานนี้ (14 กันยายน) ด้วยการประกาศว่าเขาจะไม่มีวันยอมให้กลุ่มผู้ประท้วงฝ่ายขวาจัดใช้ธงชาติเป็นข้ออ้างในการก่อความรุนแรงและข่มขู่

สตาร์เมอร์กล่าวด้วยว่า อังกฤษเป็นชนชาติที่เราภาคภูมิใจที่สร้างขึ้นมาจากความอดทน ความหลากหลาย และ ความเคารพ ซึ่งธงชาติของอังกฤษเป็นตัวแทนของความหลากหลายจึงเป็นเหตุให้เขารู้สึกยอมรับไม่ได้และประกาศว่าจะไม่ยอมให้มีการใช้ธงชาติเป็นสัญลักษณ์ของความรุนแรง ความหวาดกลัว และ การแบ่งแยก

นอกจากนี้ สตาร์เมอร์ยังได้ประณามกลุ่มผู้ประท้วงที่ทำร้ายร่างกายเจ้าหน้าที่ตำรวจรวมถึงประณามผู้ประท้วงที่ใช้คำพูดข่มขู่คุกคามชุมชนที่เป็นกลุ่มชายขอบของสังคม พร้อมกล่าวว่านี่คือสิ่งที่ยอมรับไม่ได้เพราะการประท้วงอย่างสันติเป็นสิ่งที่ชาวอังกฤษยึดถือ

-การประท้วงที่มอง “อิสลาม” คือศัตรู-

การประท้วงในกรุงลอนดอนที่เต็มไปด้วยสัญลักษณ์ของชาตินิยม การปะทะ และคำปราศรัยที่ยั่วยุ ซึ่งหนึ่งในนั้นคือคำพูดของ เอริค เซมูร์ นักการเมืองฝรั่งเศส ผู้ปราศรัยจากต่างประเทศที่เข้ามาร่วมการประท้วงที่กล่าวว่า ทั้งอังกฤษและฝรั่งเศสต่างตกอยู่ภายใต้กระบวนการแทนที่ประชากรยุโรปโดยผู้คนจากทางใต้และวัฒนธรรม “อิสลาม” ซึ่งเขาได้อ้างถึงทฤษฎีสมคบคิดเกี่ยวกับการแทนที่ครั้งใหญ่ ว่าชาวยุโรปผิวขาวกำลังถูกแทนที่โดยคนจากเชื้อชาติอื่นอย่างเป็นระบบและมีการวางแผนมาอย่างดี

เช่นเดียวกับ ฟิลิป ดิวินเทอร์ อีกหนึ่งนักการเมืองฝ่ายขวาจัดชาวเบลเยียมที่ขึ้นปราศรัยด้วยการอ้างว่ายุโรปต้องสร้างความต้องชัดเจนว่าศาสนาอิสลามคือศัตรูที่แท้จริงที่ต้องจัดการ เขากล่าวด้วยว่าอิสลามไม่เหมาะกับยุโรป และอิสลามไม่เหมาะกับสหราชอาณาจักร

นอกจากนี้ ยังมีผู้ปราศรัยคนอื่น ๆ ได้แก่ หัวหน้าพรรคประชาชนเดนมาร์ก, ตัวแทนสมาชิกพรรคทางเลือกเพื่อเยอรมนี และ โดมินิก ทาร์ชินสกี นักการเมืองชาวโปแลนด์ ที่มาร่วมขึ้นเวทีปราศรัยที่กรุงลอนดอน ขณะที่อีกหนึ่งบุคคลสำคัญที่เข้ามาเกี่ยวข้องคือ “อีลอน มัสก์” ที่ได้ปรากฏตัวผ่านวิดีโอคอลและปราศรัยกับกลุ่มผู้ประท้วงว่าให้พวกเขาเลือกระหว่าง “จะต่อสู้ หรือ ตาย” รวมถึงกล่าวเกี่ยวกับการอพยพเข้าประเทศอย่างมหาศาลที่ไม่มีการควบคุม และเรียกร้องให้มีการเปลี่ยนรัฐบาลในสหราชอาณาจักรเพื่อเข้ามาควบคุมผู้อพยพด้วย

-การประท้วงกลางกระแสขวาจัด-

การชุมนุมครั้งนี้เกิดขึ้นท่ามกลางกระแสความรุนแรงจากฝ่ายขวาจัดที่เกิดขึ้นในอังกฤษและในยุโรปในช่วงหลายเดือนที่ผ่านมา ผู้เชี่ยวชาญระบุว่าเหตุการณ์เหล่านี้ถูกขับเคลื่อนด้วยทฤษฎีสมคบคิด ความเกลียดชังต่อคนต่างชาติ และข้อมูลบิดเบือนทางออนไลน์ ที่ได้เพิ่มความกังวลเกี่ยวกับการเติบโตของขบวนการฝ่ายขวาจัดทั่วสหราชอาณาจักรและยุโรป ซึ่งมักลุกลามไปสู่การจลาจลและเหตุความรุนแรง

ขณะที่ กลุ่มต่อต้านฟาสซิสต์ทีมีชื่อว่า Hope Not Hate และสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรหลายคน เรียกร้องให้รัฐบาลดำเนินการต่อต้านกระแสขวาจัดที่เพิ่มขึ้น กลุ่ม Hope Not Hate อธิบายว่าการประท้วงครั้งนี้เป็นสิ่งที่น่าตกใจอย่างยิ่ง แม้จำนวนผู้เข้าร่วมจะน้อยกว่าหลายล้านคนตามที่โรบินสันและผู้สนับสนุนกล่าวอ้างแต่ก็ปฏิเสธไม่ได้ว่านี่อาจเป็นการชุมนุมของฝ่ายขวาจัดที่ใหญ่ที่สุดเท่าที่เคยเกิดขึ้นในสหราชอาณาจักร

กลุ่ม Hope Not Hate กล่าวด้วยว่าสำหรับใครก็ตามที่กำลังกังวลเกี่ยวกับกระแสของแนวคิดฝ่ายขวาจัด รวมถึงความกังวลเกี่ยวกับการสร้างความเกลียดชังต่อผู้อพยพและชาวมุสลิมรุนแรงจนกลายเป็นเรื่องปกติ การประท้วงนี้อาจเป็นสัญญาณแรกของช่วงเวลามืดมนที่กำลังจะมาถึงในอนาคต

ยอดนิยมในตอนนี้

แท็กยอดนิยม

ข่าวที่เกี่ยวข้อง