"ทรัมป์" จ่อส่งจดหมาย เคาะดีลให้คู่ค้าเอง ก่อนเส้นตาย 90 วัน

"ทรัมป์" เตรียมส่งจดหมายให้ประเทศคู่ค้า เคาะเงื่อนไขภาษีให้เอง
สำนักข่าวรอยเตอร์รายงานว่า ประธานาธิบดี "โดนัลด์ ทรัมป์" แห่งสหรัฐฯ กล่าวเมื่อวันพุธ( 11 มิถุนายน 2568 ) ระบุว่า เขายินดีที่จะขยายกำหนดเส้นตายวันที่ 8 กรกฎาคม 2566 นี้ออกไป สำหรับการเจรจาการค้ากับประเทศต่างๆ ก่อนที่ภาษีที่สูงขึ้นของสหรัฐฯ จะมีผลบังคับใช้ แต่ก็เชื่อว่าไม่มีความจำเป็นต้องขยายเส้นตายดังกล่าว
ประธานาธิบดีทรัมป์ กล่าวกับผู้สื่อข่าวก่อนการแสดงที่เคนเนดีเซ็นเตอร์ว่า การเจรจาการค้ายังคงดำเนินต่อไปกับประเทศต่างๆ ประมาณ 15 ประเทศ รวมถึงเกาหลีใต้ ญี่ปุ่น และสหภาพยุโรป
เขากล่าวว่า “เรากำลังประสบความสำเร็จในแง่ของข้อตกลง เรากำลังทำข้อตกลงกับหลายประเทศและพวกเขาทั้งหมดต้องการทำข้อตกลงกับเรา ดังนั้นเขาจึงคิดว่าการขยายกำหนดเวลาออกไปนั้นไม่จำเป็น
ประธานาธิบดีทรัมป์ยังกล่าวอีกว่า สหรัฐฯ จะส่งจดหมายออกไปในอีกไม่กี่สัปดาห์ข้างหน้านี้ โดยจดหมายที่ว่านี้จะมีการระบุเงื่อนไขข้อตกลงการค้ากับประเทศอื่นๆ อีกหลายสิบประเทศ ซึ่งพวกเขาเลือกที่จะยอมรับหรือปฏิเสธก็ได้เช่นกัน
รัฐมนตรีคลังสหรัฐฯ ชี้อาจขยายเวลาเส้นตายระงับภาษี 90 วัน
อย่างไรก็ตามก่อนหน้านี้ รัฐมนตรีกระทรวงการคลังสหรัฐฯ "สก็อตต์ เบสเซนต์" ได้กล่าวกับสมาชิกรัฐสภาว่า "รัฐบาลทรัมป์" อาจขยายกำหนดเส้นตายข้อตกลงการค้าในเดือนกรกฎาคม หรือ "เลื่อนวันไปข้างหน้า" สำหรับประเทศต่างๆ ที่ทำการเจรจาโดยสุจริตใจ ในบางกรณี
ทั้งนี้การระงับการขึ้นภาษีศุลกากรแบบตอบแทน (Reciprocal Tariffs ) ของทรัมป์ มีกำหนดเวลา 90 วัน ซึ่งกำลังจะสิ้นสุดลงแล้วในวันที่ 8 กรกฎาคม 2568 นี้ และปัจจุบันนี้มีเพียงข้อตกลงการค้าเดียวที่ตกลงกับอังกฤษ โดยมีอีกประมาณ 17 ข้อตกลงที่อยู่ในขั้นตอนการเจรจาต่างๆ
รัฐมนตรีคลังสหรัฐฯ กล่าวต่อคณะกรรมาธิการวิธีการและมาตรการของสภาผู้แทนราษฎรว่า “มีแนวโน้มสูงมากที่ประเทศเหล่านั้น - หรือกลุ่มการค้าอย่างในกรณีของสหภาพยุโรป - ซึ่งกำลังเจรจากันโดยสุจริต เราจะเลื่อนวันออกไปเพื่อดำเนินการเจรจากันโดยสุจริตต่อไป และหากใครไม่เจรจา เราก็จะไม่ทำ”
คำพูดของเบสเซนต์ถือเป็นครั้งแรกที่เจ้าหน้าที่รัฐบาลของทรัมป์ระบุถึงความยืดหยุ่นบางประการเกี่ยวกับวันสิ้นสุดของการหยุดชั่วคราว
เบสเซนต์ย้ำถึงความเป็นไปได้ในการเจรจาเพิ่มเติมอีกครั้งในการพิจารณาครั้งที่สอง ต่อหน้าคณะกรรมาธิการจัดสรรงบประมาณของวุฒิสภาในวันพุธ (11 มิถุนายน 2568) โดยกล่าวว่า "ผมเชื่อว่าประเทศต่างๆ ที่เจรจาด้วยความจริงใจจะสามารถเดินหน้าต่อไปได้"
เขากล่าวว่าก่อนหน้านี้สหภาพยุโรปมักจะช้าในการเสนอข้อเสนอที่ชัดเจน แต่ตอนนี้กลับแสดง "ความเชื่อมั่นมากขึ้น" โดยไม่ได้ให้รายละเอียดที่ชัดเจน ขณะที่ทรัมป์สะท้อนมุมมองเชิงบวกดังกล่าวเมื่อวันพุธ โดยกล่าวว่า "พวกเขาต้องการเจรจา"
นอกจากนี้ยังมีข้อตกลงระหว่างสหรัฐฯ และจีน ที่มีการประชุมเจรจาการค้ากันระหว่างเจ้าหน้าที่ระดับสูงของทั้ง 2 ชาติ ได้มีการออกกรอบการทำงานและบรรลุข้อตกลงไปเมื่อวันอังคารที่ผ่านมา ณ กรุงลอนดอน สหราชอาณาจักร เพื่อลดระดับความตึงเครียดของสงครามการค้าทวิภาคี
สรุป "ดีลลอนดอน" จีน - สหรัฐฯ จากปากทรัมป์
ประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ กล่าวเมื่อวันพุธว่าข้อตกลงระหว่างสหรัฐฯ กับจีนได้เสร็จสิ้นลงแล้ว โดยปักกิ่งจะเป็นผู้จัดหาแม่เหล็กและแร่ธาตุหายาก ในขณะที่สหรัฐฯ จะอนุญาตให้นักเรียนชาวจีนเข้าเรียนในวิทยาลัยและมหาวิทยาลัยของสหรัฐฯ ได้
“เราจะได้รับภาษีนำเข้ารวม 55% ส่วนจีนได้เพียง 10% ความสัมพันธ์ยังยอดเยี่ยมมาก!” ทรัมป์เขียนบน Truth Social โดยไม่ได้ให้รายละเอียดเพิ่มเติม
เจ้าหน้าที่ทำเนียบขาวกล่าวว่าข้อตกลงดังกล่าวอนุญาตให้สหรัฐเรียกเก็บภาษีนำเข้าสินค้าจากจีน 55% ซึ่งรวมถึงภาษี "ตอบแทน" พื้นฐาน 10% ภาษีการค้าเฟนทานิล 20% และภาษีที่สะท้อนถึงภาษีที่มีอยู่เดิม 25% เจ้าหน้าที่รายดังกล่าวกล่าวว่าจีนจะเรียกเก็บภาษีนำเข้าสินค้าจากสหรัฐ 10%
ทรัมป์กล่าวว่าข้อตกลงนี้ขึ้นอยู่กับการอนุมัติขั้นสุดท้ายจากเขาและประธานาธิบดีสีจิ้นผิง
“จีนจะจัดหาแม่เหล็กเต็มและแร่ธาตุหายากที่จำเป็นทั้งหมดให้ล่วงหน้า และเราจะจัดหาให้จีนตามที่ตกลงกันไว้ ซึ่งรวมถึงนักเรียนจีนที่เรียนในวิทยาลัยและมหาวิทยาลัยของเราด้วย (ซึ่งฉันให้มาดีเสมอ!)” ทรัมป์กล่าว
เจ้าหน้าที่ของสหรัฐฯ และจีนกล่าวเมื่อวันอังคารว่าพวกเขาได้ตกลงกันในกรอบการทำงานเพื่อให้การสงบศึกทางการค้ากลับมาเป็นปกติอีกครั้ง และยกเลิกข้อจำกัดการส่งออกแร่ธาตุหายากของจีน ขณะเดียวกันก็ไม่มีสัญญาณใดๆ ที่จะบ่งชี้ถึงการแก้ไขปัญหาความตึงเครียดทางการค้าที่ยาวนานได้อย่างถาวร
หลังการเจรจาอย่างเข้มข้นเป็นเวลา 2 วันในลอนดอนสิ้นสุดลง รัฐมนตรีกระทรวงพาณิชย์สหรัฐฯ โฮเวิร์ด ลุตนิก กล่าวกับผู้สื่อข่าวว่า กรอบข้อตกลงดังกล่าวเป็น "เนื้อหาสำคัญ" ของข้อตกลงที่บรรลุเมื่อเดือนที่แล้วในเจนีวา เพื่อผ่อนปรนภาษีตอบโต้ทวิภาคีซึ่งพุ่งสูงถึงหลักสามหลัก
ก่อนหน้ามีการเข้าสู่โต๊ะเจรจาครั้งแรกระหว่างสหรัฐฯ และจีน มีข้อตกลงกันที่นครเจนีวา ประเทศสวิตเซอร์แลนด์ และสุดท้ายประสบความล้มเหลวเนื่องจากทั้ง 2 ชาติ กล่าวอ้างว่าอีกฝ่ายไม่ทำตามข้อตกลง และจีนได้จำกัดการส่งออกแร่ธาตุที่สำคัญ ส่งผลให้รัฐบาลทรัมป์ต้องตอบสนองด้วยการควบคุมการส่งออกของตนเองเพื่อป้องกันการส่งซอฟต์แวร์ออกแบบเซมิคอนดักเตอร์ เครื่องบิน และสินค้าอื่นๆ ไปยังจีน
Tag
ยอดนิยมในตอนนี้
