ครบรอบ 20 ปี เหตุการณ์ 9/11 เทคโนโลยีสามารถระบุตัวผู้เสียได้เพิ่มอีก 2 ราย
ในวันที่ 11 กันยายนที่ผ่านมา ถือเป็นวันครบรอบ 20 ปี เหตุการณ์ 9/11 หรือเหตุการณ์ World Trade Center ถล่ม ก่อให้เกิดการสูญเสียในวันนั้นสถานที่เดียวไปมากถึง 2,753 ราย
ปัจจุบันมีผู้เสียชีวิตจำนวนมากถึง 1,106 รายในเหตุการณ์ดังกล่าวที่ยังไม่สามารถระบุตัวตนได้ ล่าสุดด้วยเทคโนโลยีใหม่ทำให้สามารถระบุตัวผู้เคราะห์รายรายที่ 1,646 และ 1,647 ได้สำเร็จ ทั้ง 2 คนนั้นก็คือ นาย Dorothy Morgan จากเมืองเฮมป์สเตด รัฐนิวยอร์ก ส่วนอีกคนทางญาติขอไม่เปิดเผยชื่อ โดยศพของ Morgan ได้ถูกพบในปี 2001 ส่วนอีกคนได้รับการกู้คืนในปี 2001, 2002, และ 2006 นักวิทยาศาสตร์สามารถระบุตัวศพได้โดยใช้เทคโนโลยีทางนิติวิทยาศาสตร์รูปแบบใหม่ ผสานไปกับความก้าวหน้าด้านวิทยาศาสตร์ DNA
การระบุตัวตนของทั้งสองนี้ ถือเป็นการระบุตัวตนเหยื่อ World Trade Center ครั้งแรก หลังจากไม่ได้มีการระบุมาตั้งแต่เดือนตุลาคม 2019 ตอนนี้ยังมีผู้เสียชีวิตอีกกว่า 40% ที่ยังไม่สามารถระบุตัวตนได้ สำนักงานหัวหน้าผู้ตรวจสอบทางการแพทย์ของนครนิวยอร์ก New York City's Office of Chief Medical Examiner ระบุว่าความพยายามในการระบุตัวเหยื่อจากเหตุการณ์ 9/11 ถือเป็น "การสอบสวนทางนิติเวชที่ใหญ่และซับซ้อนที่สุดในประวัติศาสตร์ของสหรัฐฯ"
ในทุกวันนี้ นักวิทยาศาสตร์ยังคงพยายามระบุตัวตนของผู้เสียชีวิตอยู่ตลอดเวลา พวกเขายังต้องตรวจสอบและทดลองกับส่วนต่างๆ ของร่างกายที่เก็บกู้มาได้มากกว่า 22,000 ชิ้น โดยแต่ละส่วนล้วนแล้วแต่มีความเสียหายและความยากในการระบุตัวตนที่แตกต่างกันออกไป โดยในตอนแรก ทางหน่วยงานได้ใช้การตรวจ DNA และวิธีการอื่น ๆ เพื่อทำการระบุตัวตน แต่สำหรับผู้เสียชีวิตที่สามารถระบุตัวตนได้ใหม่ทั้ง 2 รายนี้มีชิ้นส่วนที่ถูกเผาไหม้อยู่นานหลายสัปดาห์ ทำให้มีจำนวน DNA เหลืออยู่น้อยเกินไป จนไม่สามารถนำเอามาตรวจสอบได้
เทคโนโลยีที่ใช้ระบุผู้เคราะห์ร้ายทั้ง 2 รายนี้ เป็นเทคโนโลยีใหม่ของกองทัพสหรัฐฯ ใช้สำหรับเพื่อระบุซากศพของทหารอเมริกันที่หายตัวไป มันมีความสามารถในการตรวจสอบที่ละเอียดอ่อนและเร็วกว่าการตรวจสอบ DNA ในแบบเดิม ๆ มาก
"เมื่อ 20 ปีที่แล้ว เราได้ให้คำมั่นสัญญากับครอบครัวของเหยื่อเวิลด์เทรดเซ็นเตอร์ว่าจะทำทุกวิถีทางตราบเท่าที่ต้องใช้เวลาเพื่อระบุตัวตน คนที่พวกเขารัก และด้วยการระบุตัวตนใหม่ของทั้งสองนี้ เรายังคงปฏิบัติตามพันธกรณีอันศักดิ์สิทธิ์ที่พูดไว้ต่อไป" Dr. Barbara A. Sampson หัวหน้าผู้ตรวจทางการแพทย์ของเมืองนิวยอร์กกล่าว
แหล่งที่มา nyc.gov