นักวิทย์ออสเตรเลียเตือนภัยเสี่ยง 'โรคหัดระบาดครั้งใหญ่' ในปี 2021
ซิดนีย์, 17 พ.ย. (ซินหัว) -- รายงานจากสถาบันวิจัยเด็กเมอร์ด็อค (MCRI) ของออสเตรเลีย ซึ่งเผยแพร่เมื่อวันอังคาร (17 พ.ย.) ระบุว่ามีแนวโน้มจะเกิดการแพร่ระบาดของโรคหัดครั้งใหญ่อย่างเร็วภายในปี 2021 เนื่องจากเด็กจำนวนมากในประเทศกำลังพัฒนาไม่ได้รับวัคซีนป้องกันโรคหัดในปี 2020 ซึ่งเป็นผลมาจากการแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนาสายพันธุ์ใหม่ (โควิด-19)
องค์การอนามัยโลก (WHO) คาดการณ์ว่าเมื่อนับจนถึงสิ้นเดือนตุลาคมปีนี้ มีเด็ก 94 ล้านคนใน 26 ประเทศและภูมิภาคทั่วโลก ไม่ได้รับวัคซีนป้องกันโรคหัดตามกำหนด โดยผลกระทบทางเศรษฐกิจที่เกิดจากการระบาดของโรคโควิด-19 ส่งผลให้อัตราขาดสารอาหารสูงขึ้น ซึ่งเพิ่มความรุนแรงของการติดเชื้อไวรัสหัดศาสตราจารย์คิม มัลฮอลแลนด์ ผู้เขียนหลักของรายงานชิ้นนี้ กล่าวว่าปัจจัยทั้งหมดดังกล่าวสร้างสภาพแวดล้อมที่อาจเอื้อให้โรคหัดระบาดรุนแรงในปี 2021 รวมถึงอัตราการเสียชีวิตที่เพิ่มขึ้นและผลกระทบร้ายแรงที่เกิดจากโรคหัดซึ่งเคยเกิดขึ้นแล้วเมื่อหลายทศวรรษก่อน โดยเด็กที่เสียชีวิตจากโรคหัดมักจะขาดสารอาหาร แต่โรคหัดเฉียบพลันจะทำให้เด็กจำนวนมากที่ยังมีชีวิตอยู่ตกอยู่ในภาวะขาดสารอาหารภาวะขาดสารอาหารและการกดภูมิคุ้มกันที่เกี่ยวข้องกับโรคหัดอาจนำไปสู่อัตราการเสียชีวิตที่ล่าช้า ขณะที่การขาดวิตามินเออาจทำให้เกิดอาการตาบอดที่เกี่ยวข้องกับโรคหัดได้ตัวเลขขององค์การฯ ว่ามีผู้ป่วยโรคหัดมากถึง 9.8 ล้านราย และผู้ป่วยเสียชีวิต 207,000 ราย ในปี 2019 ซึ่งเพิ่มขึ้นมากที่สุดในรอบ 20 ปีที่ผ่านมามัลฮอลแลนด์ ซึ่งเป็นประธานกลุ่มที่ปรึกษาเชิงกลยุทธ์ผู้เชี่ยวชาญด้านการสร้างภูมิคุ้มกัน (SAGE) ด้านวัคซีนป้องกันโรคหัดและและโรคหัดเยอรมันขององค์การฯ ระบุว่าปัญหานี้ยังคงมีอยู่ต่อไป แม้วัคซีนป้องกันโรคจะมีราคาถูกและมีประสิทธิภาพมัลฮอลแลนด์เสริมว่า 3 ขั้นตอนสำคัญ ซึ่งสามารถบรรเทาผลกระทบอย่างทันท่วงทีจากการแพร่ระบาดที่อาจเกิดขึ้น ประกอบด้วยการเข้าถึงเด็กที่ไม่มีภูมิคุ้มกันผ่านโครงการรณรงค์ให้วัคซีนป้องกัน เตรียมให้หลายประเทศพร้อมรับมือกับการแพร่ระบาดที่อาจเกิดขึ้น และรักษาเป้าหมายขจัดโรคหัดและโรคหัดเยอรมัน"หากปราศจากความพยายามร่วมกัน คาดว่าในอีกไม่กี่ปีข้างหน้าจะมีผู้ป่วยโรคหัดเพิ่มขึ้น และภาวะแทรกซ้อนที่รุนแรงและถึงแก่ชีวิตบ่อยครั้งขึ้น" มัลฮอลแลนด์กล่าว