รีเซต

เหล็กไทยรอดหรือร่วง? เมื่อราคาจีนกดดัน-สิ่งแวดล้อมบีบให้เปลี่ยน

เหล็กไทยรอดหรือร่วง? เมื่อราคาจีนกดดัน-สิ่งแวดล้อมบีบให้เปลี่ยน
TNN ช่อง16
18 พฤษภาคม 2568 ( 10:19 )
11

อุตสาหกรรมเหล็กไทยเผชิญแรงกดดันจากสินค้าราคาถูกของจีนและมาตรการสิ่งแวดล้อมจากยุโรป ผู้ผลิตจำเป็นต้องปรับตัวเชิงโครงสร้าง ขณะที่รัฐยังต้องออกมาตรการหนุนให้ทันกับการเปลี่ยนแปลงของโลกการค้า

ภาวะตลาดเหล็กไทยกลางศึกรอบด้าน

อุตสาหกรรมเหล็กของไทยในปี 2568 กำลังเผชิญกับความท้าทายที่ซับซ้อนและทวีความเข้มข้นมากขึ้น ทั้งจากการแข่งขันกับสินค้าราคาต่ำจากจีน แรงกดดันจากมาตรการภาษีในสหรัฐ และข้อกำหนดด้านสิ่งแวดล้อมที่เข้มงวดขึ้นในยุโรป


ศูนย์วิจัยเศรษฐกิจและธุรกิจ ธนาคารไทยพาณิชย์ (SCB EIC) รายงานว่า การไหลบ่าของเหล็กจีนยังไม่หยุด โดยเฉพาะเหล็กปลายน้ำ เช่น เหล็กชุบสังกะสีและเหล็กทาสีที่มีต้นทุนต่ำจากกำลังการผลิตมหาศาล ส่งผลให้ผู้ผลิตไทยทั้งในกลุ่มเหล็กกลางน้ำและปลายน้ำต้องเผชิญการแข่งขันราคาที่รุนแรง

ประเทศอื่นในเอเชียอย่างญี่ปุ่นและเกาหลีใต้ ที่เคยได้รับการยกเว้นภาษีนำเข้าสินค้าเหล็กไปยังสหรัฐ กำลังถูกเรียกเก็บภาษีใหม่ในยุค Trump 2.0 ทำให้มีความเป็นไปได้ที่สินค้าจากประเทศเหล่านี้จะถูกระบายเข้าสู่ตลาดไทยเพิ่มขึ้น

การแข่งขันที่ไม่เท่าเทียมในเกมต้นทุน

ผู้ผลิตไทยยังเสียเปรียบในโครงสร้างต้นทุน เนื่องจากต้องพึ่งพาวัตถุดิบนำเข้าจากจีนในสัดส่วนสูง ขณะที่คู่แข่งในเอเชียหลายประเทศมีอุตสาหกรรมเหล็กแบบครบวงจรตั้งแต่ต้นน้ำถึงปลายน้ำ ทำให้สามารถควบคุมต้นทุนได้ดีกว่า

การพึ่งพาวัตถุดิบนำเข้ายังเพิ่มความเสี่ยงต่อการถูกตรวจสอบแหล่งกำเนิดสินค้า โดยเฉพาะในตลาดสหรัฐที่เข้มงวดมากขึ้นกับการระบุ Country of Origin ซึ่งอาจนำไปสู่การถูกใช้มาตรการกีดกันทางการค้าเพิ่มเติม

ปรับตัวหรือหายไป?

ในสถานการณ์นี้ ผู้ผลิตที่มีความยืดหยุ่นและสามารถบริหารห่วงโซ่อุปทานได้อย่างมีประสิทธิภาพ มีโอกาสอยู่รอดสูงกว่า SCB EIC พบว่า ผู้ประกอบการบางรายสามารถจัดหาวัตถุดิบได้ในราคาที่เหมาะสมกับแผนการผลิตและระบายสต็อกได้ทันเวลา ถือเป็นปัจจัยสำคัญในการรักษากำไรในภาวะราคาผันผวน

นอกจากนี้ การหันไปผลิตสินค้าที่มีมูลค่าเพิ่ม เช่น เหล็กชิ้นส่วนยานยนต์ หรือเหล็กเฉพาะทางแทนเหล็กก่อสร้างทั่วไป เป็นทางเลือกสำคัญในการปรับตัวในระยะกลางถึงยาว

ความเสี่ยงจากราคาทรุดและดีมานด์ชะลอ

แม้ปริมาณการใช้งานเหล็กในประเทศปี 2568 จะขยายตัวเล็กน้อยที่ 16.2 ล้านตัน (+1.7%YOY) จากแรงหนุนของโครงการก่อสร้างภาครัฐ แต่ราคายังคงลดลงเฉลี่ย 4.8% จากปีก่อน โดยเหล็กทรงยาวอยู่ที่ 20,900 บาทต่อตัน (-3.9%) และเหล็กทรงแบนที่ 22,700 บาทต่อตัน (-5.6%)

การลดลงของราคานี้เกิดจากต้นทุนวัตถุดิบและพลังงานที่ปรับตัวลง ประกอบกับแรงกดดันจากการนำเข้าสินค้าราคาถูกอย่างต่อเนื่อง รวมถึงดีมานด์จากภาคอสังหาริมทรัพย์และยานยนต์ที่ยังชะลอตัว

โอกาสจากวิกฤต เมื่อคุณภาพกลายเป็นเกราะคุ้มกัน

เหตุการณ์แผ่นดินไหวในช่วงที่ผ่านมา ทำให้เกิดแรงกระตุ้นในการยกระดับมาตรฐานสินค้าเหล็กในโครงการก่อสร้าง ส่งผลดีต่อผู้ผลิตภายในประเทศที่สามารถควบคุมคุณภาพได้ตามมาตรฐานอุตสาหกรรม

การเปลี่ยนแปลงในฝั่งดีมานด์ยังสะท้อนแนวโน้มใหม่ที่ให้ความสำคัญกับคุณภาพและความปลอดภัยมากขึ้น ทำให้ผู้ผลิตที่เน้นการพัฒนามาตรฐานสินค้าอาจได้รับความเชื่อมั่นมากกว่าการแข่งขันราคาเพียงอย่างเดียว

แรงบีบจากโลกสีเขียว ข้อกำหนดใหม่กำลังมาเร็ว

แรงกดดันที่อาจเปลี่ยนโครงสร้างอุตสาหกรรมเหล็กในระยะยาวคือมาตรการด้านสิ่งแวดล้อม เช่น ภาษีคาร์บอนข้ามพรมแดน (CBAM) ของสหภาพยุโรป ซึ่งเริ่มทยอยมีผลบังคับใช้ ผู้ผลิตเหล็กไทยจำเป็นต้องปรับตัวสู่กระบวนการผลิตที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อมเพื่อลดความเสี่ยง

หลายโรงงานเริ่มวัดการปล่อยก๊าซเรือนกระจก และเพิ่มสัดส่วนการใช้พลังงานสะอาด ขณะที่บางกลุ่มเริ่มจัดตั้งคลัสเตอร์ผู้ผลิตเหล็กสีเขียว เพื่อสร้างห่วงโซ่อุปทานที่ตอบสนองต่อดีมานด์ของตลาดโลกที่เปลี่ยนไป

รัฐต้องไม่ปล่อยอุตสาหกรรมนี้ล้ม

มาตรการป้องกันการทุ่มตลาด เช่น Anti-dumping และ Anti-Circumvention ต้องถูกนำมาใช้ให้ทันเวลา ควบคู่กับการตรวจสอบมาตรฐานสินค้าเหล็กนำเข้าอย่างเข้มงวด เพื่อปกป้องผู้ผลิตในประเทศจากการแข่งขันที่ไม่เป็นธรรม

รัฐยังสามารถกำหนดบทบาทผ่านนโยบายจัดซื้อจัดจ้างของภาครัฐให้เลือกใช้เหล็กที่ผ่านเกณฑ์ด้านสิ่งแวดล้อม หรือสร้างระบบรับรองเหล็กที่มีความปลอดภัยและยั่งยืน เพื่อเป็นแรงจูงใจให้ผู้ผลิตปรับตัว

ข้อได้เปรียบในอนาคตอยู่ที่การปรับตัวมากกว่าต้นทุน

ในตลาดที่ขับเคลื่อนด้วยคุณภาพ มาตรฐาน และความยั่งยืน ผู้ผลิตที่เร่งปรับกระบวนการผลิต ลดการพึ่งพาราคา และใช้ต้นทุนอย่างมีประสิทธิภาพ จะเป็นผู้ที่อยู่รอดและได้เปรียบ

การเปลี่ยนผ่านสู่อุตสาหกรรมสีเขียวไม่ได้เป็นแค่ความจำเป็นเชิงกฎหมาย แต่กำลังกลายเป็นกลยุทธ์หลักในการอยู่รอดและเติบโตของอุตสาหกรรมเหล็กไทยในอนาคต

ยอดนิยมในตอนนี้

แท็กยอดนิยม

ข่าวที่เกี่ยวข้อง