จีนทำลายสถิติเก่าของตนเอง ! ส่งดาวเทียม 41 ดวง ขึ้นสู่อวกาศ
เมื่อวันที่ 15 มิถุนายน 2023 ที่ผ่านมา ประเทศจีนได้ทำลายสถิติของตนเองด้วยการส่งดาวเทียมจำนวน 41 ดวง ขึ้นสู่อวกาศพร้อมกัน ซึ่งเป็นการส่งด้วยจรวดลองมาร์ช 2ดี (Long March 2D) จากศูนย์ปล่อยดาวเทียมไท่หยวน (Taiyuan Satellite Launch Center) ที่ตั้งอยู่ทางตอนเหนือของประเทศจีน
ในส่วนของดาวเทียมทั้งหมด 41 ดวง เป็นดาวเทียมขนาดเล็ก (Small Satellites) ที่มีมวลตั้งแต่ 601 - 1,200 กิโลกรัม โดยดาวเทียมทั้งหมดเป็นดาวเทียมสำรวจระยะไกลเชิงพาณิชย์ของสำนักงานดาวเทียมฉางชุน (Changguang Satellite) ซึ่งมันจะทำหน้าที่เป็นดาวเทียมสำรวจ
สถิติก่อนหน้าจำนวน 26 ดวง
โดยก่อนหน้านี้ ประเทศจีนเคยทำสถิติในการส่งดาวเทียมขึ้นสู่อวกาศพร้อมกันไว้ที่ 26 ดวง ด้วยจรวดลี่เจี้ยน-1 (Lijian-1) ที่พัฒนาโดยบริษัท ซีเอเอส สเปซ (CAS Space) จากศูนย์ส่งดาวเทียมจิ่วเฉวียน (Jiuquan Satellite Launch Center) ที่ตั้งอยู่ทางตะวันตกเฉียงเหนือของประเทศจีน เมื่อวันที่ 7 มิถุนายน 2023 ที่ผ่านมา
สำหรับเที่ยวบินครั้งนี้ เป็นเที่ยวบินที่ 476 ของจรวดลองมาร์ช 2ดี ซึ่งจรวดลำนี้ถูกพัฒนาโดยสถาบันเทคโนโลยีการบินอวกาศแห่งเซี่ยงไฮ้ (Shanghai Academy of Spaceflight Technology) ที่เป็นหน่วยงานย่อยของสำนักงานวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีอวกาศแห่งประเทศจีน (China Aerospace Science and Technology Corporation) โดยตัวจรวดมีความสูง 41 เมตร และสามารถยกน้ำหนักบรรทุกได้ 1,300 กิโลกรัม
ตั้งเป้าแข่งเครือข่ายดาวเทียมสตาร์ลิงก์ (Starlink)
โดยสำนักงานวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีอวกาศแห่งประเทศจีนตั้งเป้าที่จะส่งดาวเทียมมากกว่า 300 ดวง ขึ้นสู่อวกาศพร้อมกันด้วยจรวด 1 ลำ ให้สำเร็จภายในปี 2025 ในขณะที่ปัจจุบัน สถิติการส่งดาวเทียมขึ้นสู่วงโคจรพร้อมกันมากที่สุดในโลกเป็นของบริษัท สเปซเอ็กซ์ (SpaceX) ซึ่งเป็นการส่งดาวเทียมจำนวน 143 ดวง ด้วยจรวดฟัลคอน 9 (Falcon 9) จากแหลมคานาเวอรัล รัฐฟลอริดา ประเทศสหรัฐอเมริกา
อ้างอิงตามรายงานขององค์การบริหารอวกาศแห่งชาติจีน (CNSA) ปัจจุบันประเทศจีนกำลังพัฒนากลุ่มดาวเทียมกูโอวัง (Guowang) เพื่อแข่งกับดาวเทียมสตาร์ลิงก์ (Starlink) ของบริษัท สเปซเอ็กซ์ ซึ่งจะมีดาวเทียมในเครือข่าย 13,000 ดวง และจะใช้จรวดลองมาร์ช 8 (Long March 8) ในการส่งดาวเทียม
นอกจากนี้ ประเทศจีนยังมีเป้าหมายที่จะส่งมนุษย์ไปลงจอดบนดวงจันทร์ภายในปี 2030 ด้วย ซึ่งจะเกิดขึ้นภายหลังจากภารกิจอาร์เทมิส 3 (Artemis 3) ของนาซา (NASA) ที่มีกำหนดการณ์เปิดตัวในปี 2025
ข้อมูลจาก Intersting Engineering
ภาพจาก CGTN