EPGแววกำไรทำนิวไฮ ลุ้นห่อกลับบ้านดันยอด
ทนหุ้น – EPG ชี้หากรัฐมีมาตรการงดรับประทานอาหารที่ร้าน หนุนดีมานด์กล่องข้าวพุ่งทะยาน โบรกฟันธงงวดบัญชีไตรมาส 3/2565 กำไรทะลุ 400 ล้านบาท โต 13% รับออเดอร์ทะลักอื้อ แถมดีดลูกคิดกำไรทั้งปีนิวไฮแตะ 1.6 พันล้านบาท เชียร์ซื้อ เคาะเป้าหมาย 17.00 บาท
รศ.ดร.เฉลียว วิทูรปกรณ์ รองประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท อีสเทิร์นโพลีเมอร์ กรุ๊ป จำกัด (มหาชน) หรือ EPG เปิดเผยว่า จากประเด็นการแพร่ระบาดของไวรัสโควิด-19 ที่กลับมาระบาดอีกครั้ง อาจจะทำให้ทางภาครัฐมีการให้งดรับประทานอาหารที่ร้าน ซึ่งหากเรื่องดังกล่าวเกิดขึ้นจริงน่าจะเป็นผลบวกต่อธุรกิจ EPP ของบริษัท โดยเฉพาะในส่วนของผลิตภัณฑ์กล่องบรรจุอาหารที่น่าจะมียอดขายปรับตัวสูงขึ้น เพื่อรองรับการซื้ออาหารกลับบ้านและบริการส่งอาหาร (เดลิเวอรี)
*รายได้ตามเป้า
สำหรับผลประกอบการในปีงวดบัญชีปี 2565 (เม.ย.64-มี.ค. 65) บริษัทประเมินว่ารายได้คงเป็นตามเป้าหมายที่ตั้งไว้ประมาณ 1.1 หมื่นล้านบาท เพิ่มขึ้นประมาณ 12-15% จากปีก่อนที่ 531.05 ล้านบาท หลังช่วงครึ่งปีแรกนั้นธุรกิจมีรายได้แล้วราว 5.96 พันล้านบาท ประกอบกับบริษัทมองว่าภาพรวมทิศทางในช่วงที่เหลือของปีนั้นยังมีโอกาสเติบโตได้อย่างต่อเนื่อง เพราะธุรกิจในส่วนต่างๆ ทั้งธุรกิจฉนวนกันความร้อน/เย็น ภายใต้แบรนด์ Aeroflex , ธุรกิจชิ้นส่วนอุปกรณ์และตกแต่งยานยนต์ภายใต้แบรนด์ Aeroklas และ TJM, ธุรกิจบรรจุภัณฑ์พลาสติก ภายใต้แบรนด์ EPP ล้วนที่ทิศทางที่ดีขึ้นต่อเนื่อง
ขณะที่แนวโน้มค่าเงินบาทที่อ่อนค่าจนล่าสุดมาอยู่ที่ประมาณ 33.71 บาทต่อดอลลาร์สหรัฐ (อิงข้อมูลของธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) ณ วันที่ 5 ม.ค.2565) นั้น บริษัทประเมินว่าน่าจะเป็นปัจจัยบวกต่อการดำเนินธุรกิจ เนื่องจากปัจจัยกล่าวน่าจะช่วยสนับสนุนให้รายได้จากการดำเนินธุรกิจและส่งออกสินค้าไปยังต่างประเทศขยับ
ส่วนทิศทางราคาเม็ดพลาสติกที่มีทิศทางเพิ่มขึ้นตามราคาน้ำมันในตลาดโลกนั้นบริษัทมองคงไม่มีผลต่อการดำเนินงานเนื่องจากบริษัทมีเจรจากับทางคู่ค้าเพื่อจัดซื้อวัตถุดิบในส่วนดังกล่าวไว้ล่วงหน้าและเพียงพอรอบรับคำสั่งซื้อ (ออเดอร์) ได้ต่อเนื่องไปถึงช่วงมีนาคม 2565
* Aeroflex-EPP โดดเด่น
บริษัทหลักทรัพย์ เคทีบีเอสที จำกัด (มหาชน) ระบุถึง EPG ว่า คาดกำไรปกติงวดบัญชีในไตรมาส 3/2565 (ต.ค.-ธ.ค.64) ไว้ที่ราว 425 ล้านบาท เติบโต 13% QoQผลมาจากการฟื้นตัวของกลุ่มธุรกิจวัสดุก่อสร้างภายใต้แบรนด์ "Aeroflex" และธุรกิจในกลุ่มบรรจุภัณฑ์อาหาร (EPP) ที่เติบโตขึ้นอย่างโดดเด่น
ขณะที่แนวโน้มผลประกอบการงวดบัญชีไตรมาส 4/2565 (ม.ค.-มี.ค.65) ประเมินว่าน่าจะเติบโตต่อเนื่อง เพราะธุรกิจทั้ง 3 กลุ่มทั้ง "Aeroflex", EPP และกลุ่มธุรกิจชิ้นส่วนยานยนต์และตกแต่งยานยนต์ ภายใต้แบรนด์ "Aeroklas" ล้วนมีคำสั่งซื้อ (ออเดอร์) ที่เพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง
ส่วนทิศทางราคาราคาวัตถุดิบปิโตรเคมีที่ปรับตัวสูงขึ้นนั้นฝ่ายวิเคราะห์มองว่าไม่น่าจะมีผลกระทบต่อต่อธุรกิจมากนัก เนื่องจากยอดขายที่ขยับเพิ่มขึ้น ส่งผลให้อัตราการใช้กำลังผลิต (U-Rate) สูงขึ้น และทำให้ต้นทุนการผลิตต่อหน่วยปรับลดลง ประกอบกับธุรกิจยังสามารถขยับราคาขายเพื่อชดเชยส่วนต่างได้เพิ่มเติม
*จับตาผลงานนิวไฮ
อย่างไรก็ดี จากปัจจัยดังกล่าว ทำให้คาดกำไรปกติงวดบัญชีปี 2565 (เม.ย.64-มี.ค.65) ไว้ราว 1.6 พันล้านบาท เติบโตสูงถึง 44% และถือเป็นจุดสูงสุด (นิวไฮ) หลังช่วง 9 เดือนแรกงวดบัญชีปี 2565 บริษัทมีกำไรแล้วราว 1.2 พันล้านบาท ประกอบกับในช่วงที่เหลืองวดบัญชีปี 2565 ทิศทางของธุรกิจในส่วนต่างๆ ยังดีขึ้นต่อเนื่อง ขณะที่ในงวดบัญชีปี 2566 (เม.ย.65-มี.ค.66) ทางฝ่ายวิเคราะห์ประมาณการกำไรยังเติบโตต่อเนื่องจากงวดบัญชีปี 2565 ราว 39% เพื่อตอบสนองธุรกิจในส่วนต่างๆ ที่ขยายตัวมากยิ่งขึ้น
ดังนั้นเพื่อเป็นการตอบรับแนวโน้มผลงานที่ขยายตัวต่อเนื่อง ประกอบกับบริษัทยังมีปัจจัยพื้นฐานที่แข็งแกร่ง รวมทั้งยังมีโอกาส Upside ได้อีก หากบริษัทมีการปรับราคาขายขึ้นอีกในอนาคต จึงทำให้มองเป็นโอกาสในการเข้าลงทุน รวมทั้งให้คำแนะนำ “ซื้อ” ให้ราคาเป้าหมาย 17 บาท