บ้านปู ปี 63 ขาดทุน เหตุราคาถ่านหิน-ก๊าซธรรมชาติร่วง
บ้านปู โอดปี 63 ขาดทุน 56 ล้านเหรียญสหรัฐ ราคาถ่านหิน-ก๊าซธรรมชาติร่วง ตั้งงบลงทุนปี 64 ที่ 156 ล้านเหรียญฯ เทพัฒนาโครงการพลังงานลมผลิตไฟฟ้าในเวียดนาม 110 ล้านเหรียญฯ พร้อมเปิดแผนลงทุน 5 ปี รุกธุรกิจก๊าซ เหมือง ไฟฟ้า ตั้งเป้ารับ EBITDA โต 50%
นางสมฤดี ชัยมงคล ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท บ้านปู จำกัด (มหาชน) เปิดเผยว่าผลการดำเนินธุรกิจพลังงานในปี 2563 บ้านปูขาดทุนสุทธิ 56 ล้านเหรียญสหรัฐ หรือประมาณ 1,682 ล้านบาท โดยมีรายได้จากการขายและการให้บริการรวม 2,283 ล้านเหรียญสหรัฐ หรือประมาณ 68,575 ล้านบาท ลดลงจากปีก่อน 476 ล้านเหรียญสหรัฐ ประมาณ 14,298 ล้านบาท คิดเป็น 17% มีกำไรก่อนหักภาษี ดอกเบี้ย ค่าเสื่อมและค่าใช้จ่ายตัดจ่าย (EBITDA) รวม 563 ล้านเหรียญสหรัฐ ประมาณ 16,910 ล้านบาท ลดลง 20% ซึ่งเป็นผลมาจากราคาถ่านหินและก๊าซธรรมชาติที่ปรับตัวลดลง
อ่านข่าว บ้านปู เน็กซ์ จับมือ ฮ้อปคาร์ เปิดจุดบริการเช่ารถยนต์ไฟฟ้าแห่งแรกที่สามย่านมิตรทาวน์
สำหรับปี 2564 บริษัทตั้งเป้าเงินลงทุนในปีนี้ อยู่ที่ 156 ล้านเหรียญสหรัฐ โดยแบ่งเป็นเงินพัฒนาโครงการลมในเวียดนาม 109.90 ล้านบาท ซึ่งเป็นการลงทุนขนาดใหญ่ที่สุดในปีนี้ และที่เหลือจะเป็นการพัฒนาโครงการอื่น ๆ รวมถึงแพลตฟอร์มการดำเนินธุรกิจของบริษัท บ้านปูเน็กซ์ จำกัด ประมาณ 46 ล้านเหรียญสหรัฐ โดยมั่นใจว่าจะมีการเติบโตของธุรกิจที่ดีขึ้น หลังจากประเมินผลกระทบต่าง ๆ ที่ลดลงไป โดยบริษัท ตั้งเป้าการขายถ่านหินที่เป็นธุรกิจหลัก ในตลาดอินโดนีเซียอยู่ที่ 23.2 ล้านตัน ซึ่งในช่วงที่ผ่านมาตั้งแต่ต้นปีมีการขายไปแล้วกว่า 5.6% ของปริมาณทั้งหมด และตลาดออสเตรเลียตั้งเป้าการขายอยู่ที่ 3.3 ล้านตัน
นอกจากนี้บริษัทยังได้ดำเนินแผนธุรกิจ 5 ปี ฉบับใหม่ปี 2564-2568 ประกอบด้วย 3 แกนหลักคือ เร่งสร้างการเติบโตตามกลยุทธ์ใน 4 ธุรกิจ คือ ธุรกิจก๊าซธรรมชาติ ธุรกิจเหมือง ธุรกิจผลิตไฟฟ้าและธุรกิจเทคโนโลยีพลังงาน, การรับมือกับความเปลี่ยนแปลงและวงจรเศรษฐกิจโลกผ่านพอร์ตโซลูชันด้านพลังงานที่ครบวงจร โดยกระจายความเสี่ยง และคว้าโอกาสทางธุรกิจใหม่ๆ, การต่อยอดระบบนิเวศทางธุรกิจและความเชี่ยวชาญในด้านพลังงานเพื่อเพิ่มโอกาสในการสร้างรายได้ในธุรกิจใหม่ โดยตั้งเป้าภายในปี 2568 จะสามารถทำ EBITDA จากธุรกิจพลังงานสะอาดและเทคโนโลยีพลังงานของบ้านปูจะมีสัดส่วนถึง 50%
โดยมีแนวทางการดำเนินงานใน 3 กลุ่มธุรกิจหลัก ได้แก่ กลุ่มธุรกิจแหล่งพลังงานในด้านธุรกิจก๊าซธรรมชาติจะรักษากำลังการผลิตแหล่งก๊าซทั้ง 2 แหล่ง อยู่ที่ประมาณ 700 ลูกบาศก์ฟุตเทียบเท่าก๊าซธรรมชาติต่อวัน และประกันความเสี่ยงการลงทุนเมื่อสถานการณ์ราคาก๊าซเพิ่มสูงขึ้น สร้างความยืดหยุ่นในงบลงทุน ส่วนธุรกิจเหมืองจะเน้นสร้างกระแสเงินสดในช่วงราคาถ่านหินเพิ่มสูง บริหารต้นทุนและเพิ่มประสิทธิภาพการผลิตด้วยเทคโนโลยีดิจิตอล
ขณะที่กลุ่มธุรกิจผลิตไฟฟ้า เน้นสร้างเสถียรภาพการเดินเครื่องของโรงไฟฟ้าทั้งหมดและเดินหน้าเปิดดำเนินการเชิงพาณิชย์โรงไฟฟ้าต่างๆ ตามแผน ขยายกำลังการผลิตอย่างต่อเนื่องทั้งในจีน ญี่ปุ่น และเวียดนาม ซึ่งจากแผนเดิมที่มีการตั้งเป้าผลิตไฟฟ้าจากโซลาร์รูฟท็อป และโซลาร์ลอยน้ำ อยู่ที่ 500 เมกะวัตต์ ด้านกลุ่มธุรกิจเทคโนโลยีพลังงาน เน้นการสร้างการเติบโตขยายระบบนิเวศของธุรกิจเทคโนโลยีพลังงาน ครบคลุมธุรกิจระบบกักเก็บพลังงาน ธุรกิจยานยนต์ไฟฟ้า ธุรกิจเมืองอัจฉริยะ และธุรกิจแพลตฟอร์มการซื้อขายไฟฟ้า โดยได้มีการตั้งเป้าพัฒนาระบบกักเก็บพลังงานให้ได้รวม 3 กิกะวัตต์ต่อชั่วโมง และพัฒนาสมาร์ทซิตี้ทั้งหมด 9 โปรเจ็กต์ อีกด้วย