BAFSบินครึ่งหลังแรง ฟื้นชัดปันผลรอบ4ปี

​BAFS รับปริมาณน้ำมันอากาศยานฟื้นตามการท่องเที่ยว เริ่มกลับมาปันผลรอบ 4 ปี ที่ 0.08 บาท เดินหน้ากระจายรายได้ต่อเนื่อง รุกธุรกิจพลังงานทดแทน ด้านโบรกเชื่อครึ่งปีหลังผลงานโดดเด่น รับท่องเที่ยว สุวรรณภูมิเปิด SAT-1 ขณะที่บางจากควบเอสโซ่จะหนุน เป้า 35 บาท

​ม.ล.ณัฐสิทธิ์ ดิศกุล  กรรมการผู้อำนวยการใหญ่ บริษัท บริการเชื้อเพลิงการบินกรุงเทพ จำกัด (มหาชน) หรือ BAFS เปิดเผยว่า ผลประกอบการของบริษัทปรับตัวเพิ่มขึ้นตามปริมาณน้ำมันอากาศยานที่กลุ่มบริษัทให้บริการ จากการฟื้นตัวของภาคการท่องเที่ยว ที่สอดคล้องกับการฟื้นตัวของภาคเศรษฐกิจรวมของประเทศ ในขณะที่รายได้ค่าบริการขนส่งน้ำมันภาคพื้นดินและจัดเก็บน้ำมันของบริษัทย่อยเพิ่มขึ้นตามปริมาณน้ำมันรวมทุกผลิตภัณฑ์ของโครงการขยายระบบท่อขนส่งน้ำมันไปภาคเหนือ (NFPT) รวมถึงรายได้จากธุรกิจพลังงานไฟฟ้า 85.5 ล้านบาท รายได้จากเงินปันผลการลงทุนในธุรกิจผลิตและจำหน่ายไฟฟ้า และรายได้อื่นๆ ของกลุ่มบริษัท

ส่งผลให้ผลการดำเนินงานในไตรมาส 2/2566 บริษัทมีรายได้จำนวนรวม 743 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 47% เทียบช่วงเวลาเดียวกันจากปีก่อน มีกำไรสุทธิในส่วนของผู้ถือหุ้นของบริษัท 10.7 ล้านบาท รายได้ในครึ่งปีแรกอยู่ที่ 1,537 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 45% ของช่วงเวลาเดียวกันจากปีก่อน โดยเป็นรายได้จากค่าบริการจำนวน 644 ล้านบาท

​@ กระจายรายได้

ทั้งนี้บริษัทมีโครงสร้างรายได้ จากธุรกิจการบิน 74% รายได้จากธุรกิจการให้บริการขนส่งน้ำมันทางท่อ 12% และรายได้จากธุรกิจผลิตและจำหน่ายไฟฟ้า 14% ซึ่งเป็นหนึ่งในการดำเนินงานตามกลยุทธ์กระจายความเสี่ยงในการดำเนินธุรกิจด้วยการลงทุนในธุรกิจประเภทอื่นๆ ผ่านการดำเนินงานใน 3 กลุ่มธุรกิจหลัก ได้แก่ กลุ่มธุรกิจการบิน กลุ่มธุรกิจสาธารณูปโภคและพลังงาน และกลุ่มบริการธุรกิจ โดยมีเป้าหมายปรับสัดส่วนโครงสร้างรายได้ให้สมดุล

ล่าสุด บริษัท บาฟส์ คลีน เอนเนอร์ยี่คอร์เปอเรชั่น  จำกัด หรือ BC ซึ่งเป็นบริษัทย่อยที่ BAFS ถือหุ้น 100% แจ้งการจัดตั้งบริษัท BAFS X Mongolia LLC บริษัทย่อยใหม่ ในประเทศมองโกเลีย โดย BC ถือหุ้นในสัดส่วน 100% เพื่อประกอบธุรกิจโดยมีรายได้จากการถือหุ้นในบริษัทอื่นเป็นหลัก ธุรกิจพลังงานทดแทน ธุรกิจการจัดเก็บน้ำมันและท่อขนส่งน้ำมันและธุรกิจนำเข้าและส่งออกสินค้าและบริการ โดยในเฟสแรกมีแผนนำร่องร่วมลงทุนธุรกิจโซลาร์ฟาร์ม พลังงานทดแทนจากแสงอาทิตย์ กำหนดเปิดตัวภายในปี 2567

ที่ประชุมคณะกรรมการบริษัทเมื่อวันที่ 10 สิงหาคมที่ผ่านมา ได้พิจารณาอนุมัติการจ่ายเงินปันผลระหว่างการงวดผลการดำเนินงานครึ่งปีแรก (ม.ค.-มิ.ย. 2566) ในอัตราหุ้นละ 0.08 บาท โดยการกำหนดรายชื่อผู้ถือหุ้นที่มีสิทธิในการรับเงินปันผลในวันที่ 25 สิงหาคม 2566 และให้กำหนดจ่ายเงินปันผลวันที่ 8 กันยายน 2566 สะท้อนให้เห็นถึงความมั่นคงและเสถียรภาพการเติบโตของธุรกิจอย่างยั่งยืน

@ครึ่งปีหลังโต

บริษัทหลักทรัพย์ ดาโอ (ประเทศไทย) จำกัด (มหาชน) ระบุว่า ประเมินผลการดำเนินงานครึ่งปีหลังจะเร่งตัวได้ดีเทียบช่วงเดียวกันปีก่อน (YoY) และครึ่งปีแรก (HoH) โดยเฉพาะไตรมาส 4/2566 ซึ่งเป็นช่วงไฮซีซัน ของภาคท่องเที่ยว สำหรับกำไรสุทธิไตรมาส 2/2566 ที่ 11 ล้านบาท ต่ำกว่าประเมินที่ 20 ล้านบาท มาจากค่าใช้จ่ายการขายและบริหาร SG&A ที่สูงกว่าคาดเล็กน้อยจากค่าใช้จ่ายพนักงาน แต่ผลการดำเนินงานที่ขยายตัวเป็นไปตามการฟื้นตัวของปริมาณเติมน้ำมันอากาศยาน 60%YoY จากการผ่อนคลายมาตรการเดินทาง และปริมาณขนส่งน้ำมันทางท่อโต 93%YoY หนุนโดยการทำการตลาดร่วมกับ BCP เชิงรุกมากขึ้นและการฟื้นตัวของการเดินทางในประเทศ ขณะที่กำไรชะลอ QoQ เนื่องจากช่วง Low Season และไตรมาส 1/2566 มีเงินปันผลจากโรงไฟฟ้าที่ญี่ปุ่น 32 ล้านบาท

คงมุมมองบวกต่อ BAFS โดยมี Key Catalysts จาก 1. การเปิดให้บริการอาคาร SAT-1 สนามบินสุวรรณภูมิในเดือนกันยายน 2566,  2.การควบรวม BCP & ESSO ใจะช่วยหนุนปริมาณขนส่งน้ำมันทางท่อมากขึ้น  3. แผนลงทุนโรงไฟฟ้าพลังงานแสงอาทิตย์แห่งใหม่ในต่างประเทศ ได้ข้อสรุปไตรมาส 4/2566 และ 4. แผนการเชื่อมท่อภาคตะวันออกของ NFPT ซึ่งคาดการณ์จะเห็นความชัดเจนครึ่งปีหลัง บริษัทยังกลับมาจ่ายเงินปันผลเป็นครั้งแรกนับตั้งแต่ปี 2562 ในอัตรา 0.08 บาทต่อหุ้น ประมาณการกำไรปกติปีนี้ที่ 310 ล้านบาท ฟื้นเป็นกำไรในรอบ 4 ปี แนะนำ “ซื้อ” ราคาเป้าหมาย 35 บาท