มาเลเซียเตรียมพัฒนาแพลตฟอร์มโซเชียลมีเดียของตัวเองสำหรับพลเมือง
นายฟาห์มี ฟาดซิล รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการสื่อสาร ประเทศมาเลเซีย เปิดเผยข้อมูลว่าในปัจจุบันผู้ให้บริการแอปพลิเคชั่นโซเชียลมีเดียแสวงหากำไรจากชาวมาเลเซีย แต่ล้มเหลวในการรับประกันความปลอดภัยของผู้ใช้งาน รัฐบาลมาเลเซียจึงเตรียมเสนอให้มีการพัฒนาแอปพลิเคชันโซเชียลมีเดียสำหรับพลเมือง
ในปีที่ผ่านมาผู้ให้บริการ Facebook เพียงรายเดียวสามารถทำรายได้ 600 ล้านดอลลาร์สหรัฐ หรือ 21,270 ล้านบาท จากประเทศมาเลเซีย อย่างไรก็ตาม ฟาห์มี ฟาดซิล แสดงความเห็นว่าผู้ให้บริการ Facebook กลับไม่ทำอะไรเพื่อให้แน่ใจว่าการใช้งานแพลตฟอร์ม Facebook ในประเทศมาเลเซียมีความปลอดภัย
โดยนายฟาห์มี ฟาดซิล ได้เปิดเผยเพิ่มเติมว่าแนวคิดการพัฒนาโซเชียลมีเดียสำหรับประเทศมาเลเซียเริ่มต้นจาก แนวคิดของซนิล นาวาวี พิธีกรชื่อดังนี้ที่แสดงความเห็นหลังจากผู้ให้บริการ Facebook และ Instagram ลบโพสต์บนโซเชียลมีเดียที่เกี่ยวข้องกับปาเลสไตน์
ก่อนหน้านี้นายฟาห์มี ฟาดซิล ได้มีการนัดพูดคุยกับเจ้าหน้าที่จากบริษัทผู้ให้บริการ Facebook ในประเด็นการลบเนื้อหาเกี่ยวกับความขัดแย้งในอิสราเอลและปาเลสไตน์ออกจากบัญชีของนายกรัฐมนตรีอันวาร์ อิบราฮิม ซึ่งทางบริษัทผู้ให้บริการ Facebook ยืนยันว่าบริษัทใช้มาตรฐานเดียวกันกับผู้ใช้งานคนอื่น ๆ เนื่องจากข้อมูลเกี่ยวกับความขัดแย้งในอิสราเอลและปาเลสไตน์มีความละเอียดอ่อน
ในช่วงสัปดาห์ที่ผ่านมารัฐบาลมาเลเซียได้เปิดเผยรายละเอียดกรอบการกำกับดูแลแพลตฟอร์มโซเชียลมีเดีย และการส่งต่อข้อมูลทางอินเทอร์เน็ต ซึ่งครอบคลุมผู้ใช้งานกว่า 8 ล้านคน บนโซเชียลมีเดียต่าง ๆ เช่น Facebook, Tiktok และ X ซึ่งการบังคับใช้ภายใต้ใบอนุญาตประเภทใหม่นี้จะเริ่มตั้งแต่วันที่ 1 มกราคมปีหน้า ตามรายละเอียดที่เผยแพร่โดยคณะกรรมการการสื่อสารและมัลติมีเดียแห่งมาเลเซีย (MCMC) ใบอนุญาตจะมีอายุ 1 ปี และบริษัทต่างๆ จะต้องสมัครขอใบอนุญาตเป็นประจำทุกปี
สำหรับบริษัทที่ไม่ได้ลงทะเบียนเพื่อรับใบอนุญาตภายในวันที่ 1 มกราคมปีหน้า อาจต้องเสียค่าปรับไม่เกิน 500,000 ริงกิต หรือประมาณ 4 ล้านบาท หรือโทษสูงสุดจำคุก 5 ปี หรือทั้งจำทั้งปรับ หากยังคงดำเนินกิจการอยู่ในประเทศมาเลเซีย ทั้งนี้การดำเนินการดังกล่าวเพื่อให้การใช้งานอินเทอร์เน็ตและโซเชียลมีเดียของประชาชนในประเทศมาเลเซียปลอดภัยมากขึ้น
ที่มาของข้อมูล Channelnewsasia