SVI 'กสิกรไทย' เปิดเหตุผล อัพกำไร-เป้าหมายใหม่
#บล.กสิกรไทย ระบุในบทวิเคราะห์ ฝ่ายวิจัยประชุมผ่านระบบ conference call กับผู้บริหารบริษัท เอสวีไอ จำกัด (มหาชน) หรือ SVI โดยใจความสำคัญเป็นไปในเชิงบวก แต่กำไรไตรมาส 1/2566 อาจลดลง QoQ แต่ดีขึ้น YoY ทั้งนี้ SVI ตั้งเป้ารายได้ปี 2566 ที่ 850 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ (+15% YoY) โดยมี GPM ที่ 9.0-9.5% คาดได้รับอานิสงส์จากการย้ายฐานการผลิตเครื่องใช้ไฟฟ้าออกจากจีน คงคำแนะนำ “ซื้อ” และเพิ่มราคาเป้าหมายปี 2566 จาก 11.30 บาท เป็น 12.00 บาท เพื่อสะท้อนการปรับประมาณการกำไรขื้น 6% จากสมมติฐาน GPM ที่เพิ่มขึ้น
เหตุการณ์สำคัญ ฝ่ายวิจัยจัดการประชุม KS C-Series ผ่านระบบ conference call เมื่อวานนี้ (14 มี.ค.) โดยมีคุณกริช ลี้ถาวร ผู้บริหารด้านการเงิน (Corporate M&A Executive) และคุณอังคณา ศรศักรินทร์ ผู้จัดการอาวุโสฝ่ายการเงินองค์กร โดยรวมแล้ว ผู้บริหารมีมุมมองเชิงบวกต่อทิศทางของบริษัทฯ โดยตั้งเป้าการเติบโตปี 2566 ที่ประมาณ 15% หรือจาก 740 ดอลล่าร์สหรัฐฯ เป็น 850 ล้านดอลลาร์ฯ และคาดว่าอัตรากำไรขั้นต้น (GPM) จะอยู่ที่ประมาณ 9.0-9.5%
บริษัทฯ คาดว่าจะเห็นคาสั่งซื้อที่แข็งแกร่งในอีก 6-8 เดือนข้างหน้า โดยมี backlog อยู่ที่ 650-700 ล้านดอลลาร์ฯ และเชื่อว่า SVI จะเป็นหนึ่งในผู้ได้ประโยชน์จากการย้ายฐานการผลิตชิ้นส่วนอิเล็กทรอนิกส์ออกจากจีน ขณะนี้บริษัทฯ กำลังอยู่ระหว่างการพูดคุยกับซัพพลายเออร์ชิ้นส่วนรถยนต์ของจีนบางราย และคาดว่าจะได้รับออเดอร์ใหม่ มูลค่า 40-50 ล้านดอลลาร์ฯ ภายในปีนี้ และคาดว่าจะเพิ่มขึ้นกว่า 2 เท่าในปี 2567-68
**เตรียมเปิดตัวผลิตภัณฑ์ของตัวเอง
บริษัทฯ มีเป้าหมายที่จะเพิ่มมูลค่าของธุรกิจโดยใช้กลยุทธ์การขยายตัวในแนวดิ่ง (Vertical Integration) SVI เพิ่งเปิดตัวบริษัท BEI และมีแผนที่จะสร้างแบรนด์ผลิตภัณฑ์ของตัวเอง (OBM) โดยเน้นไปที่อุปกรณ์ที่เกี่ยวข้องกับยานยนต์ฟฟ้า (EV) อุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์แบบออปติก และ 5G ในระยะแรก บริษัทฯ จะเริ่มต้นด้วยเครื่องชาร์จ/ไฟฟ้ากระแสสลับสำหรับ EV แบบ 1 เฟส และจะขยายเป็นเครื่องชาร์จไฟฟ้าแบบ 3 เฟสในอนาคต ซึ่งนับเป็นธุรกิจใหม่ของ SVI เนื่องจากบริษัทฯ ให้บริการรับจ้างผลิตอุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์ (EMS) มาโดยตลอด และไม่เคยทำการตลาดผลิตภัณฑ์ของตัวเองมาก่อน
อย่างไรก็ตาม ผู้บริหารมีแผนที่จะเข้าสู่ตลาดด้วยการเป็นพันธมิตรกับกลุ่มบริษัทในประเทศและผู้ผลิตชิ้นส่วนยานยนต์จากต่างประเทศ บริษัทฯ ตั้งเป้ารายได้จากกลุ่มธุรกิจนี้ที่ 30-50 ล้านดอลล่าร์ฯ และ GPM ปี 2566 ที่ 20% พร้อมกับมีแผนที่จะขยายธุรกิจไปสู่ตลาดชิ้นส่วนรถยนต์ในอนาคต เช่น ระบบสาระบันเทิง ระบบการจัดการแบตเตอรี่ การประกอบโมดูลแบตเตอรี่ อุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์แบบออปติก
**มุมมองเชิงบวกต่อแนวโน้มกำไร SVI
โดยขณะนี้บริษัทในกลุ่มชิ้นส่วนอิเล็กทรอนิกส์มียอดขายที่ชะลอตัวในครึ่งแรกของปี 2566 แต่ SVI ยังคงคาดว่ายอดขายจะเติบโตอย่างแข็งแกร่งจาก backlog จำนวนมาก และคำสั่งซื้อใหม่ที่อาจมีขึ้นจากลูกค้าชาวจีน คาดกำไรปกติไตรมาส 1/2566 จะอยู่ที่ประมาณ 350 ลบ. ลดลง QoQ ตามฤดูกาลและเงินบาทที่แข็งค่าขึ้น แต่เติบโต YoY จากยอดขายและ GPM ที่เพิ่มขึ้น และฝ่ายวิจัยไม่มีมุมมองเชิงบวกมากเกินไปต่อผลิตภัณฑ์ OBM ของบริษัทฯ เนื่องจากเชื่อว่าต้องใช้เวลาและยังต้องอาศัยพันธมิตรที่มีศักยภาพในการทำตลาดผลิตภัณฑ์ใหม่ แต่อาจทำให้เกิด upside เนื่องจาก GPM จากธุรกิจนี้สูงกว่า GPM ปัจจุบันถึง 2 เท่า
**ปรับเพิ่มประมาณกำไรปกติปี 66-67
ปรับประมาณการกำไรปกติปี 2566-67 ขึ้น 5.7% และ 6.5% เป็น 1.58 พันลบ. และ 1.68 พันลบ. เนื่องจากฝ่ายวิจัยปรับสมมติฐาน GPM ขึ้นประมาณ 0.6 ppt และมีมุมมองเชิงบวกมากขึ้นต่อการผนึกกำลังระหว่าง SVI และบริษัทลูกอย่าง โทโฮกุ โซลูชั่นส์ ในการจัดหาอุปทาน นอกจากนี้ ฝ่ายวิจัยได้รวม upside จำนวนครึ่งหนึ่งจากธุรกิจ OBM ปี 2566 ไว้ในประมาณการแล้ว
**อัพเป้าหมายใหม่ปี 66 เป็น 12.00 บ.
คงคำแนะนำ “ซื้อ” พร้อมเพิ่มราคาเป้าหมายปี 2566 เป็น 12.00 บาท ฝ่ายวิจัยปรับราคาเป้าหมายจาก 11.30 บาท เป็น 12.00 บาท เพื่อสะท้อนการปรับเพิ่มประมาณการกำไร ราคาเป้าหมายของฝ่ายวิจัยอิงตามเป้า PER ล่วงหน้า 12 เดือนที่ 15.5 เท่า เท่า ตรึงด้วยค่าเฉลี่ยของกรอบการซื้อขายย้อนหลัง 5 ปี