แง้ม 5 แนวคิด ‘ไปรษณีย์ไทย’ เคียงข้างคนไทยท่ามกลางโควิด-19
ในช่วงที่ยังมีการระบาดของโรคโควิด-19 ผลกระทบต่างๆ แพร่กระจายไปในหลายภาคส่วน แต่ในแวดวงหนึ่งที่อาจไม่ได้รับผลกระทบมากนักนั่นก็คือ วงการขนส่ง ที่ปัจจุบันมีการแข่งขันกันอย่างดุเดือด เนื่องจากการเติบโตของอีคอมเมิร์ซ และเป็นฟันเฟืองหลักในการเชื่อมโยงภาคส่วนต่างๆ ให้เข้าถึงกันในช่วงที่ประเทศไทยต้องดำเนินตามมาตรการเว้นระยะห่างทางสังคม หรือ Social Distancing ทั้งนี้ แบรนด์หนึ่งที่เป็นที่พูดถึงและยังคงรักษามาตรฐานของตัวเองได้อย่างต่อเนื่องก็คือไปรษณีย์ไทย แบรนด์ที่อยู่เคียงข้างคนไทยในทุกวิกฤติและทุกสถานการณ์ ผ่านร้อนผ่านหนาวมานับครั้งไม่ถ้วน ซึ่งวิกฤตินี้ก็เป็นอีกครั้งที่ทำให้เห็นถึงความเป็นมืออาชีพ และการพัฒนาที่ไม่หยุดนิ่ง และคงจะไม่ผิดนักหากกล่าวว่าไปรษณีย์ไทย เป็นส่วนสำคัญที่ยังทำให้เศรษฐกิจและสังคมเดินหน้าต่อได้แม้สถานการณ์นี้จะรุนแรงแค่ไหนก็ตาม
เพื่อถอดรหัสความสำเร็จของไปรษณีย์ไทยในช่วงภาวะวิกฤติโควิด-19 วันนี้จะพาไปพบกับแนวทางการดำเนินงานของแบรนด์ขนส่งสีแดง พร้อมเหตุผลที่ว่าทำไมยังเป็นแบรนด์นัมเบอร์วันแบบไม่เปลี่ยนแปลง ซึ่งไปรษณีย์มี 5 กลยุทธ์ที่สำคัญดังนี้
1. ห่างกันต้องไม่ห่างไกล
ความใกล้ชิดและจริงใจกับผู้ใช้บริการ ถูกถ่ายทอดเป็นดีเอ็นเอของคนไปรษณีย์จากรุ่นสู่รุ่น และเป็นจุดแข็งที่สร้างความแตกต่างจากแบรนด์อื่นๆ ในสายโลจิสติกส์และการสื่อสาร ด้วยการสั่งสมประสบการณ์เคียงคู่กับสังคมไทยมาอย่างยาวนานและหยั่งรากลึก ทั้งบุรุษไปรษณีย์ หรือเจ้าหน้าที่ทุกคน มีบุคลิกลักษณะของการเป็นเพื่อน เป็นครอบครัวกับผู้ใช้บริการ เคารพและอ่อนน้อมเสมอ เมื่ออยู่ในภาวะวิกฤติคนไปรษณีย์จึงพร้อมจะช่วยเหลือและเคียงข้างประชาชนอย่างสุดความสามารถ
2. การทำงานมาตรฐานต้องไม่มีตก
การเตรียมพร้อม วางแผน และพัฒนาตัวเองอยู่ตลอด เป็นสาเหตุสำคัญที่แบรนด์กว่า 137 ปี ยังยืนหนึ่งท่ามกลางการแข่งขันที่ดุเดือด จุดแข็งของระบบการฝากส่ง-ส่งต่อ ของไปรษณีย์ไทยคือ ความปลอดภัยที่รวดเร็ว ผนวกกับการปรับตัวในเข้ากับสถานการณ์ เช่น การรับพัสดุนอกสถานที่ การฝากส่งแบบ Drive thru ถูกออกแบบให้ตอบโจทย์ไลฟ์สไตล์ผู้ใช้บริการ รู้อินไซต์เข้าใจลูกค้ายังเป็นอีกเหตุผลที่ทำให้ผู้ใช้บริการเลือกใช้ และการพัฒนาตัวเองเหล่านี้เป็นเครื่องพิสูจน์สำคัญว่าองค์กรเก่าแก่แต่เก๋าประสบการณ์ จึงทำให้แบรนด์ไปรษณีย์ไทยเป็นแบรนด์เลิฟครองใจผู้ใช้บริการจวบจนวันนี้
3. คนไปรษณีย์ไทยทำด้วยใจ
ความเชื่อมั่นในบุคลากรถือเป็นจุดเริ่มต้นของการเชื่อมั่นและสนับสนุนแบรนด์นั้นๆ หลายยุคแห่งความเปลี่ยนแปลงและการพัฒนาต่างๆ ของไปรษณีย์ไทย ได้ปรับโฉมและลูกเล่นแบรนด์ไปต่างๆ นานา แต่ลึกๆ ที่ไปรษณีย์ไทย ได้ถ่ายทอดเสมอมาคือ การสร้างความเชื่อมั่นและปั้นคนไปรษณีย์ เสมือนสัญลักษณ์ที่การันตีความรวดเร็ว ปลอดภัย ใกล้ชิด อยู่เคียงข้างคนไทยทุกสถานการณ์ ซึ่งเป็นหนึ่งในกลยุทธ์ที่ทำให้แบรนด์จับต้องได้และมีชีวิตชีวาอยู่ตลอด ภาพของคุณลุงบุรุษฯ ที่อบอุ่นและจริงใจ เมื่อ 50 ปีก่อนจนถึงปัจจุบันก็ยังคงอยู่ เสน่ห์เหล่านี้ที่คงไม่เปลี่ยนแปลงจึงทำให้ไปรษณีย์ไทยเป็นแบรนด์เลิฟของทุกเจเนอเรชัน
4. ในภาวะวิกฤติ ต้องไม่ทิ้งใครไว้ข้างหลัง
จะเห็นได้ว่าในภาวะวิกฤติหรือสถานการณ์ที่ยากลำบาก โดยเฉพาะช่วงที่มีการแพร่ระบาดของโควิด-19 เป็นการทดสอบผลงานของหลายแบรนด์ รวมไปถึงวิสัยทัศน์การบริหารงานของเหล่าผู้บริหารแบรนด์ต่างๆ จะต้องประคับประคองให้อยู่รอด ยิ่งไปกว่านั้นคือ การช่วยเหลือเคียงข้างสังคม ให้ผ่านพ้นจากวิกฤตดังกล่าวได้อย่างปลอดภัย ไปรษณีย์ไทย ถูกกล่าวถึงในฐานะตัวแบบขององค์กรที่รักษามาตรฐานการบริหารจัดการ และการมีโปรเจคช่วยเหลือบุคลากรทางการแพทย์ ประชาชนที่ได้รับผลกระทบ พร้อมทั้งขานรับนโยบายรัฐบาล ให้ความร่วมมือกับกระทรวงสาธารณสุข กระทรวงมหาดไทย กระทรวงอุตสาหกรรม กองทัพไทย องค์การเภสัชกรรม และสภากาชาดไทย ทยอยจัดส่งหน้ากากอนามัยแบบผ้าให้ บุคลากรทางการแพทย์ เจ้าหน้าที่รัฐ อสม. และประชาชน รวมกว่า 77 ล้านชิ้น รวมไปถึงช่วยกระตุ้นเศรษฐกิจ สนับสนุนเกษตรกรโดยขยายช่องทางการจำหน่ายไปสู่ผู้บริโภคผ่านไปรษณีย์ทั่วประเทศและบนเว็บไซต์ thailandpostmart ซึ่งการเคียงข้างคนไทยทุกสถานการณ์นี้ ทำให้ไปรษณีย์ไทยยังคงความเป็นแบรนด์เลิฟที่เหนียวแน่นจากรุ่นสู่รุ่นตลอดมา
5. ไม่มีคำว่าหยุดพัฒนาเพื่อคนไทย
แบรนด์ใหญ่ทั่วโลกที่ยืนหนึ่งอย่างแข็งแกร่งได้นั้น เรียนรู้จากข้อผิดพลาดและการให้อภัยเสมอ โดยเฉพาะผู้บริโภคหรือผู้ใช้บริการในปัจจุบัน หากเข้าใจและจริงใจกับลูกค้า ลูกค้าพร้อมสนับสนุนแบรนด์เหล่านั้นและผลักดันการเป็นแบรนด์เลิฟ หากมองแบรนด์ไปรษณีย์ไทย หลายคนคงเห็นพัฒนาการที่ไม่หยุดนิ่ง ตั้งแต่การเปลี่ยนแปลงจากอะนาล็อคสู่ดิจิทัล การเปลี่ยนจากดิจิทัลสู่คลาวด์ การลดข้อผิดพลาดให้เป็นศูนย์คือ สิ่งที่คนไปรษณีย์ทุกคนช่วยกันอย่างมากที่สุด เพราะมาตรฐานที่ดี ผนวกกับการบริการเป็นเลิศ เข้าใจความต้องการของลูกค้า และรักษาความสัมพันธ์กับลูกค้า ถูกประกอบมัดรวมกันเป็นไปรษณีย์ไทย ไปรษณีย์ของคนไทย แบรนด์เลิฟจากความมุมานะของคนไทย ที่คนไทยภูมิใจ
ทั้งนี้ ไปรษณีย์ไทย พร้อมทำงานเต็มรูปแบบ 24 ชั่วโมง 365 วัน แม้จะอยู่ท่ามกลางสถานการณ์แพร่ระบาดของโรคโควิด-19 ไปรษณีย์ไทยก็ไม่หยุดให้บริการ และพร้อมอยู่เคียงข้างคนไทย เพื่อส่งต่อพัสดุสิ่งของ ความรู้สึกดีๆ อีกทั้งพร้อมเดินหน้าขับเคลื่อนเศรษฐกิจในฐานะฟันเฟืองสำคัญของเศรษฐกิจดิจิทัล ด้วยมาตรฐานการให้บริการรวดเร็ว ปลอดภัย เข้าใจความต้องการของผู้ใช้บริการ และทั้งหมดนี้เพื่อเป้าหมายหลักส่งมอบบริการที่ดีที่สุดแก่คนไทยทุกคน