ชัตดาวน์สหรัฐฯ กระทบอะไรไทยบ้าง ยิ่งยืดเยื้อ โลกยิ่งเจ็บ

ความวุ่นวายทางการเมืองสหรัฐฯ ยังไม่จบลงง่าย ๆ เมื่อพรรคเดโมแครต และรีพับลิกันตกลงกันไม่ได้เกี่ยวกับการจัดสรรงบประมาณชั่วคราว จนทำให้หน่วยงานรัฐบาลกลางสหรัฐฯ ปิดดำเนินการตั้งแต่วันที่ 1 ตุลาคม เข้าสู่ภาวะชัตดาวน์ สร้างผลกระทบทั้งในสหรัฐฯ และทั่วโลก ไม่เว้นแม้แต่ไทย ซึ่งยังไม่สามารถล่วงรู้ได้ว่า การชัตดาวน์รอบนี้ จะต้องใช้เวลากี่วัน
ภาวะชัตดาวน์ที่ยังไร้ทางลง
ภาวะชัตดาวน์ครั้งนี้ จะกินเวลายาวนานแค่ไหนยังไม่มีใครคาดการณ์ได้ เพราะพรรครีพับลิกันและพรรคเดโมแครตจะต้องประนีประนอม เพื่อให้กฎหมายงบประมาณผ่านการอนุมัติจากสภาคองเกรส ซึ่งที่ผ่านมาก็มีตั้งแต่ไม่กี่วันไปจนถึงหลายสัปดาห์กว่าจะตกลงกันได้
ข้อมูลจากหน่วยงานวิจัยของสภาคองเกรส (Congressional Research Service) ระบุว่า นับตั้งแต่ทศวรรษ 1980 จนถึงปัจจุบัน เกิดภาวะชัตดาวน์ทั้งหมด 16 ครั้ง หากไม่นับชัตดาวน์ครั้งล่าสุดที่ยังไม่รู้จะใช้เวลานานแค่ไหน การชัตดาวน์ส่วนใหญ่ในช่วงแรก ๆ กินเวลาเพียง 1 วัน หรือ 3 วัน แต่ในช่วง 30 ปีที่ผ่านมา ชัตดาวน์กินเวลายาวนานขึ้น
ช่วงที่ประธานาธิบดีทรัมป์ดำรงตำแหน่งสมัยแรก ทำสถิติชัตดาวน์นานที่สุดในประวัติศาสตร์สหรัฐฯ ที่ 35 วัน ระหว่างเดือนธันวาคม ปี 2561 ถึงมกราคม ปี 2562 รองลงมาเป็นสถิติชัตดาวน์ในยุคอดีตประธานาธิบดีบิล คลินตัน ที่กินเวลาราว 21 วันในช่วงปลายปี 2538 และอันดับ 3 เกิดขึ้นในยุคอดีตประธานาธิบดีบารัก โอบามา ยาวนาน 16 วัน
ผู้เชี่ยวชาญมองว่า มีความเป็นไปได้ 2 ทางหลัก ที่จะทำให้ความขัดแย้งยุติลง ทางแรก คือ พรรครีพับลิกันยอมเจรจา ขยายระยะเวลาการสนับสนุนด้านสาธารณสุข ตามที่พรรคเดโมแครตเรียกร้อง
อีกทางหนึ่ง คือ การชัตดาวน์ที่ส่งผลกระทบต่อการให้บริการของภาครัฐหลายด้านอาจทำให้เกิดความวุ่นวายตามมา จนพรรคเดโมแครตต้องยอมถอยและตกลงอนุมัติงบประมาณให้รัฐบาล อย่างน้อยก็เป็นการชั่วคราว เพื่อให้ทุกอย่างกลับมาเดินหน้าได้อีกครั้ง แต่ในขณะนี้ดูเหมือนจะยังไม่มีใครยอมใคร
ชัตดาวน์สหรัฐฯ กระทบไทยอย่างไร ?
วรภัค ธันยาวงษ์ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงการคลัง เปิดเผยผ่น Facebook ส่วนตัว เตือนว่า หากสถานการณ์ "ชัตดาวน์สหรัฐฯ" ยืดเยื้อบานปลาย อาจส่งผลกระทบต่อไทยได้ ค่าเงินบาทอาจผันผวน นักลงทุนอาจหันไปหาสินทรัพย์ปลอดภัย ตลาดหุ้นไทยเผชิญแรงกดดัน ขณะที่การส่งออก อาจมีผลต่อคำสั่งซื้อจากสหรัฐฯ เสี่ยงชะลอออกไปก่อน
อีกทั้งศุลกากรสหรัฐฯ ที่ทำงานล่าช้าอาจทำให้สินค้าค้างท่าเรือ รวมไปถึงการท่องเที่ยว เพราะหากผู้บริโภคอเมริกันระมัดระวังการใช้จ่าย การเดินทางท่องเที่ยวอาจลดลง
ธนากร เกษตรสุวรรณ ประธานสภาผู้ส่งสินค้าทางเรือแห่งประเทศไทย (สรท.) กล่าวว่า ชัตดาวน์สหรัฐฯ จะส่งผลกระทบต่อการส่งออกไทย ดังนี้
ระยะสั้น ผลกระทบโดยตรงจะยังไม่รุนแรงมากนัก แต่จะเกิดความผันผวนในตลาดการเงินและค่าเงินดอลลาร์ และอาจทำให้เงินบาทผันผวนด้วย ผลกระทบต่อสินค้าขึ้นอยู่กับกลุ่มสินค้า อาจเป็นบวกหรือลบ
ระยะกลาง ถ้าสถานการณ์ยืดเยื้อ กำลังซื้อผู้บริโภคสหรัฐฯ ลดลง การจับจ่ายใช้สอยจะรัดกุมมากขึ้น กระทบสินค้าฟุ่มเฟือย และไม่จำเป็น กระทบห่วงโซ่อุปทาน การชำระเงิน และเครดิตธุรกิจ ผู้ส่งออกที่พึ่งพาตลาดสหรัฐฯ สูงจะได้รับผลกระทบชัดเจน
ผลกระทบต่อส่งออกไทยช่วง 1 เดือนแรก อาจจะยังไม่มาก คาดว่าอยู่ที่ประมาณ 0.009-0.5% หรือคิดเป็นมูลค่า 5,400-10,680 ล้านบาทของมูลค่าการส่งออกไปสหรัฐฯ ทั้งหมด แต่หากสถานการณ์ยืดเยื้อ ผลกระทบจะขยายตัวเป็นวงกว้างขึ้นอีก
หากยืดเยื้อ ไทยต้องรับมืออย่างไร ?
รัฐมนตรีช่วยคลัง แนะแนวทางที่ไทยควรเตรียมรับมือหากสถานการณ์ลุกลามบานปลายว่า ไทยต้องดูแลเสถียรภาพค่าเงิน โดยธนาคารแห่งประเทศไทย ต้องพร้อมใช้เครื่องมือดูแล FX เพื่อบริหารจัดการและป้องกันความเสี่ยงจากความผันผวนของอัตราแลกเปลี่ยน ไม่ให้กระทบภาคส่งออกและนำเข้า
บริหารความเสี่ยงด้านการส่งออก ด้วยการหาตลาดเสริม เช่น จีน, อาเซียน และตะวันออกกลาง
หากมีปัญหาติดขัดด้านศุลกากร ให้ทูตพาณิชย์ประสานกับฝ่ายสหรัฐฯ รวมถึงต้องเตรียมมาตรการช่วยเหลือภาคธุรกิจ เช่น สินเชื่อดอกเบี้ยต่ำ สำหรับธุรกิจผู้ส่งออกที่ได้รับผลกระทบจากตลาดสหรัฐฯ
คำแนะนำดังกล่าว ค่อนข้างสอดคล้องกับประธาน สรท. ที่เสนอแนะเชิงปฏิบัติของสมาชิก สรท.และผู้ส่งออก ดังนี้
1. เฝ้าติดตามค่าเงินและตลาดทุนอย่างใกล้ชิด ปรับกลยุทธ์ FX hedge ตามความเสี่ยงที่ประเมินได้
2. ตรวจสอบคำสั่งซื้อ-สัญญาในตลาดสหรัฐฯ และทบทวนเงื่อนไขการชำระเงิน, LC และterm พร้อมเตรียมแผนรับมือกรณีเลื่อน หรือ ยกเลิกการสั่งซื้อ
3. สำรองสภาพคล่อง ให้ SME เตรียมวงเงินหมุนเวียน หรือ Credit line ระยะสั้น เพื่อรับมือความล่าช้าในลูกหนี้
4. ประสานข้อมูลกับตัวแทนในสหรัฐฯ โดยขอข้อมูลจากตัวแทน หรือ ผู้รับสินค้าในสหรัฐฯ ว่าหน่วยงานที่เกี่ยวข้องใดได้รับผลกระทบและอย่างไร
5. เร่งหาช่องทางตลาดสำรอง โดยเร่งขยายตลาดในภูมิภาคอื่น เพื่อลดการพึ่งพาตลาดเดียว
6. ทบทวนสัญญาโลจิสติกส์และประกันภัย เร่งตรวจสอบเงื่อนไข Force Majeure และความครอบคลุมของการประกันภัยการค้าระหว่างประเทศ
แหล่งข้อมูลอ้างอิง:
https://www.tnnthailand.com/wealth/economy/213104/
https://www.tnnthailand.com/wealth/investment/213086/
https://www.tnnthailand.com/wealth/investment/212911/
Tag
ยอดนิยมในตอนนี้
