กลุ่มชาวนา 32 จังหวัด ขอพบ 'จุรินทร์' ยื่น 5 เรื่องด่วน ลั่น 'ถ้าไม่มีประกันต้องไม่แย่กว่าเดิม'

ข่าววันนี้ 17 พฤศจิกายน นายปราโมทย์ เจริญศิลป์ นายกสมาคมชาวนาและเกษตรกรไทย เปิดเผยกับ ‘มติชน’ ถึงกรณีพล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม สั่งให้ปรับโครงสร้างเกษตรและสำรวจผลประโยชน์ที่ชาวนาได้รับจากโครงการประกันรายได้ ว่า สมาคมและกลุ่มชาวนาแต่ละภาค กำลังติดตามแนวทางหรือมาตรการใหม่ในการดูแลราคาข้าวของรัฐบาลจากนี้ อย่างไรก็ตามไม่ว่าจะมีแนวทางอย่างไรก็ต้องไม่แย่ไปกว่าเดิม ซึ่งประกันรายได้ก็ทำมาแล้ว 2-3 ปี หากทบทวนก็ต้องมีมาตรการช่วยเหลือที่ดีขึ้น ซึ่งก็เข้าใจเรื่องการประกันรายได้ที่ใช้เงินเยอะ แต่ก็ต้องเห็นใจชาวนาด้วย ที่ต้องประสบปัญหาเหมือนอาชีพอื่นๆ ทั้งเรื่องแบกรับต้นทุนสูง โดยเฉพาะค่าปุ๋ยสูงถึง 1,200 บาทต่อลูก(50โล) ยาดูแลข้าว ราคาน้ำมันแพง ทั้งเจอผลผลิตเสียหายจากอากาศแปรปรวนและน้ำท่วม บางพื้นที่ข้าวจมน้ำความชื้นสูง ราคารับซื้อจากโรงสีจึงได้ต่ำมาก ประกอบกับผลกระทบจากการแพร่ระบาดของโควิด-19 จนต้องแบกรับต้นทุนผลิตต่อไร่ 4-5 พันบาท

นายปราโมทย์ กล่าวว่า สมาคมฯพร้อมกับกลุ่มชาวนาใน 32 จังหวัด ขอเข้าพบนายจุรินทร์ ลักษณวิศิษฏ์ รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ เพื่อหารือในเรื่องแนวทางดูแลราคาข้าวและช่วยเหลือชาวนา โดยเตรียม 5 ประเด็นหลักในนำเสนอ ได้แก่ 1. ขอให้เดินหน้าประกันรายได้เกษตรกร ที่ผ่านมาหากไม่มีการประกันรายได้ ปล่อยตามกลไกตลาด ก็จะถูกโรงสีรับซื้อในราคาถูกมาก 2. ขอให้รัฐบาลหาทางช่วยเหลือลดต้นทุนชาวนา 3. ขอให้รัฐบาลพักหนี้ให้เกษตรกรที่ประสบปัญหาอย่างรุนแรง 2-3 ปีจากปัญหาโควิดระบาดและน้ำท่วมจนกระทบต่อรายได้เกษตรกร และประสบปัญหาหนี้สินล้นตัว สำรวจแล้วมีชาวนากว่า 50% ต้องการพักหนี้ และหนี้คงค้างเฉลี่ยประมาณ 2 แสนบาทต่อราย 4. จัดหาแหล่งน้ำให้เกษตรกร ซึ่งวิตกเรื่องภัยแล้งที่อาจเกิดขึ้น ที่จะกระทบต่อเพาะปลูกข้าวนาปรังปี 2565 และ 5. ดูแลราคารับซื้อข้าวจากชาวนา

“คาดว่าจะได้เข้าพบภายในสัปดาห์นี้ ซึ่งมีหลายประเด็นที่ต้องนำเสนอและเตรียมรับมือ ส่วนราคาข้าวเปลือกเจ้าตอนนี้ขยับราคาดีขึ้น หลังจากภาวะฝนชุกและน้ำท่วมคลี่คลายลง เฉลี่ยค่าข้าวเปลือกเจ้าอยู่ที่ 7-8 พันบาท บนความชื้นไม่เกิน 20% ในการหารือก็จะหารือทิศทางราคาข้าวและความร่วมมือในการยกระดับการผลิตข้าวไทย” นายปราโมทย์ กล่าว