'สุพันธุ์' ห่วงผู้นำโลกเปลี่ยนเอเปกเป็นเวทีประลองกำลัง แนะ รบ.ชิงดึงลงทุน อย่ามัวทะเลาะสูตรคำนวณ
‘สุพันธุ์’ หวั่นผู้นำโลกเปลี่ยนเอเปกเป็นเวทีประลองกำลัง สุมไฟขัดแย้ง-ศก.ระอุ แนะ รบ.ประสานให้ดี มีไหวพริบ ชิงดึงลงทุน อย่ามัวทะเลาะสูตรปาร์ตี้ลิสต์
เมื่อวันที่ 3 สิงหาคม นายสุพันธุ์ มงคลสุธี หัวหน้าทีมเศรษฐกิจ พรรคไทยสร้างไทย แสดงความเห็นต่อการเดินทางถึงไต้หวันเมื่อวันที่ 2 สิงหาคมที่ผ่านมา ของ นางแนนซี เพโลซี ประธานสภาผู้แทนราษฎรสหรัฐอเมริกา ซึ่งนับเป็นการเดินทางเยือนของนักการเมืองระดับสูงสุดของสหรัฐอเมริกาเป็นครั้งแรกในรอบ 25 ปี ว่า ส่วนตัวผมมองว่าการเดินของนางเพโลซีสุ่มเสี่ยงที่จะทำให้ความสัมพันธ์ระหว่างสหรัฐอเมริกาและจีนบาดหมางมากยิ่งขึ้น และด้วยเศรษฐกิจของสหรัฐอเมริกาและจีนมีขนาดใหญ่เป็นอันดับ 1 และ 2 ของโลก ย่อมจะส่งผลกระทบต่อเศรษฐกิจโลกอย่างรุนแรง อาทิ เกิดการแซงก์ชั่น รวมถึงสงครามการค้าจะรุนแรงขึ้นอย่างแน่นอน ซึ่งจะส่งผลกระทบต่อภาคธุรกิจของเศรษฐกิจโลก ทำให้ถดถอยและชะลอตัวลง และย่อมกระทบต่อการเป็นเจ้าภาพจัดการประชุมความร่วมมือทางเศรษฐกิจในเอเชีย-แปซิฟิก (เอเปก) ของประเทศไทยที่จะจัดขึ้นระหว่างวันที่ 18-19 พฤศจิกายน 2565 อย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้
“การประชุมเอเปกของไทยอาจไม่ราบรื่นเรียบร้อยสมความตั้งใจของรัฐบาลที่คาดหวังว่าหลังการประชุมผ่านพ้นจะทำให้ไทยมีหน้ามีตาทัดเทียมนานาประเทศเพิ่มขึ้น แต่กลับกลายเป็นความวุ่นวายแทน เพราะด้วยปัญหาความขัดแย้งระหว่างรัสเซียและยูเครนยังมีอยู่ รวมถึงความขัดแย้งระหว่างสหรัฐอเมริกาและจีนที่ค่อนข้างรุนแรง เพราะจีนมองว่าการกระทำดังกล่าวของสหรัฐอเมริกาเป็นการรุกอธิปไตย เพิ่มเชื้อไฟให้เวทีการประชุมนี้กลายเป็นสนามประลองกำลังทางด้านการเมืองของโลก
“ประกอบกับในปี 2566 สหรัฐอเมริกาจะเป็นเจ้าภาพการประชุม การเข้ารับไม้ต่อของเขาอาจคิดที่จะทำอะไรตามอำเภอใจ ดังนั้น รัฐบาลจะต้องให้ความสำคัญในการประสานผลประโยชน์ให้ดี” หัวหน้าทีมเศรษฐกิจ พรรคไทยสร้างไทยเน้นย้ำ
นายสุพันธุ์กล่าวอีกว่า ขณะเดียวกันในวิกฤตความขัดแย้งดังกล่าวถือเป็นโอกาสในการดึงนักลงทุนของไทย เพราะการลงทุนในจีนจะเกิดการชะลอตัวลงแน่นอน โดยเฉพาะนักลงทุนในตลาดยุโรปและสหรัฐอเมริกาทั้งหมดต้องถอนการลงทุนเพื่อหาแหล่งลงทุนใหม่ ดังนั้น รัฐบาลต้องมีไหวพริบใช้จังหวะนี้ให้ดีและเร็ว หยุดทะเลาะกันแต่เรื่องสูตรคำนวณ ส.ส.บัญชีรายชื่อแบบหารด้วย 100 หรือหาร 500 และหันมาให้ความสำคัญเพื่อช่วงชิงผลประโยชน์ เปลี่ยนความตระหนกและผวาของประชาชน แก้วิกฤตที่จะเกิดขึ้นในเชิงลบต่อประเทศ แล้วมองหาโอกาสให้มากขึ้น เชื่อว่าจะช่วยบรรเทาผลกระทบที่จะเกิดขึ้นให้เบาบางลงได้