เกิดอะไรขึ้นกับ "PYLON" โบรกฯ หั่นกำไร-เป้าหมาย?

บล.ดาโอ ส่องหุ้น PYLON ปรับคำแนะนำลงเป็น “ถือ” (เดิม “ซื้อ”) และปรับราคาเป้าหมายลงเป็น 4.00 บาท (เดิม 5.00 บาท) ตามการปรับประมาณการกำไรลง รวมถึง de-rate 2566 PER ลงเป็น 20x (5-yr average PER) จากเดิม 24x (+1SD above 5-yr average PER) เพื่อสะท้อนทิศทาง backlog เริ่มลดลง ขณะที่การเติมงานใหม่มีปัจจัยท้าทายมากขึ้นจากการแข่งขันทรงตัวสูงและช่วง transition ของการเปลี่ยนรัฐบาล
ฝ่ายวิจัยมองเป็นลบจากการประชุม SET Opportunity Day เมื่อวานนี้ (13 มิ.ย.) โดยมีประเด็นสำคัญดังนี้ 1) backlog ณ สิ้น Q1/66 ลดลงอยู่ที่ 1.2 พันล้านบาท หากไม่รวมโครงการรถไฟความเร็วสูงเชื่อม 3 สนามบินที่ยังล่าช้าและไม่มีกำหนดเริ่มงาน จะอยู่ที่เพียง 700 ล้านบาท ซึ่งส่วนใหญ่จะรับรู้ในปีนี้ ขณะที่ปัจจุบันการเติมงานใหม่ยังเป็นไปได้ช้า และ 2) อัตราการใช้เครื่องจักร Q2/66 อยู่ที่ 13-15 ชุด ลดลงจาก Q1/66 ที่ 18-20 ชุด เป็นไปตามงานในมือที่ทยอยเสร็จสิ้นและผลกระทบวันหยุดยาว
ปรับกำไรสุทธิปี 2566 ลง -7% เป็น 142 ล้านบาท (+19% YoY) แม้กำไร Q1/66 จะคิดเป็น 43% ของประมาณการทั้งปี แต่ประเมิน Q2/66 จะลดลง YoY, QoQ และ 2H66 มีโอกาสชะลอตัวต่อเนื่อง HoH ตาม backlog ที่ลดลง
ราคาหุ้นปรับตัวลงและ underperform SET -21% ใน 3 เดือนจากความกังวลเรื่องการเมือง แนะนำเพียง “ถือ” เนื่องจากทิศทางกำไรในช่วงเวลาที่เหลือของปีกลับมาชะลอตัวและมีความเสี่ยงมากขึ้นหากบริษัทไม่สามารถหางานใหม่เติมได้ทัน ทั้งนี้มองว่า SEAFCO (ซื้อ/เป้า 5.20 บาท) น่าสนใจมากกว่าจาก backlog ทรงตัวสูงที่ 1.5 พันล้านบาทและกำไรมี upside จากแนวโน้ม GPM ดีกว่าคาด
ยอดนิยมในตอนนี้
