เปิดมุมมอง 3 โบรกฯ ส่องกลยุทธ์ลงทุน พร้อมเสิร์ฟหุ้นเด่นวันนี้
#SET #ทันหุ้น - บล.ฟินันเซีย ไซรัส จำกัด (มหาชน) มองแนวโน้มตลาดวันนี้ คาด SET Index แกว่ง Sideways ในกรอบ 1,550-1,570 จุด โดยคาดการปรับขึ้นจำกัดมากขึ้นเนื่องจากตลาดหุ้นไทยกำลังเข้าช่วงวันหยุดยาวก่อนทราบผลการประชุม FED 26-27 ก.ค. นี้ ซึ่งตลาดคาดปรับขึ้นดอกเบี้ย 0.75% ด้วยความน่าจะเป็นราว 77% รวมถึงผลประกอบการบริษัทจดทะเบียนฝั่ง Real Sector ที่จะทยอยประกาศออกมาหนาแน่นขึ้นในเดือนหน้า กลุ่ม Domestic Play คาดยังปรับตัวได้แข็งแรงจากแนวโน้มเศรษฐกิจที่เร่งตัวขึ้นอย่างต่อเนื่องโดยเฉพาะใน 2H22
ขณะที่ธปท.ระบุว่าจะขึ้นดอกเบี้ยอย่างค่อยเป็นค่อยไป เป็นบวกต่อกลุ่มธนาคาร ไฟแนนซ์ อสังหาฯ ซึ่งราคาปรับตัวลงแรงในช่วงก่อนหน้า ส่วนค่าเงินบาทประเมินว่ามีแนวโน้มพลิกมาแข็งค่าใน 4Q22 หลังเข้า High Season ของกลุ่มท่องเที่ยว หนุนกระแสเงินทุนไหลเข้าในระยะกลาง-ยาว เรายังเน้นลงทุนในหุ้น Value Play ที่ Valuation ถูกกว่าช่วงก่อน COVID-19 ส่วนหุ้นที่มีแนวโน้มกำไร 2Q22 โดดเด่นคาดว่าจะ Outperform ตลาดช่วงนี้
กลยุทธ์ : เก็งกำไรงบ 2Q22 และหุ้น Value Play // ถือรอทำกำไรหลังฟื้นตัวจากแนวรับ 1,520+/- จุด
หุ้นเด่นเดือนก.ค. : CK, CPN, GFPT, KTB, MAKRO
หุ้นเด่นวันนี้ : CPN
• แนะนำ “ซื้อ” ราคาเป้าหมายจาก FSSIA 82 บาท
• คาดผลการดำเนินงาน 2Q22 ทยอยฟื้นตัวอย่างต่อเนื่องตามการ Reopening หนุน Traffic เข้าห้างดีขึ้นเป็น 84% เทียบกับช่วงก่อน COVID-19 และการให้ส่วนลดค่าเช่าที่จะทยอยลดลงอย่างต่อเนื่อง
• เราคาดกำไรปี 2022-2023 +202% Y-Y และ +33% Y-Y ได้อานิสงส์จากการเปิดสาขาห้างใหม่ การเข้าซื้อศูนย์การค้าจาก SF ส่วนการเติบโตระยะยาวรองรับด้วยแผนการลงทุน 5 ปี 1.2 แสนลบ.ทั้งธุรกิจศูนย์การค้า Residential อาคารสำนักงานและโรงแรม
• แนวรับ 61.50-61 บาท แนวต้าน 63-64 บาท
**บล.คิงส์ฟอร์ด จำกัด ประเมินดัชนี SET มีโอกาสฟื้นตัวจำกัด รอผลการประชุมเฟด, US.GDP Q2/65 และติดวันหยุดยาว วางแนวรับดัชนีที่ 1,548 – 1,555 แนวต้าน 1,570 แนะนำซื้อ MINT, CENTEL, CRC, AWC, HMPRO, DOHOME (+ท่องเที่ยว,อาหาร,ค้าปลีกฟื้นตัวหลังคลายล็อกดาวน์ )
EPG* (ซื้อ / ราคาเป้าหมาย IAA Consensus 13.90 บาท) ได้ Sentiment บวกจากราคาน้ำมันดิบปรับตัวลดลง บริษัทตั้งเป้ายอดขายงวดปี 65/66 (พ.ค.65 - เม.ย.66) เติบโต 12-15% อยู่ที่ 1.35 หมื่นล้านบาท มาจากการฟื้นตัวของของเศรษฐกิจ หลังจาก COVID-19 คลี่คลาย โดยธุรกิจฉนวนกันความร้อน/เย็น Aeroflex ตั้งเป้ายอดขายเติบโต 10-12% มาจากการรักษาส่วนแบ่งการตลาดสำหรับสินค้าเกรดพรีเมี่ยมทั้งตลาดในประเทศและต่างประเทศ โดยการขยายกำลังผลิตในสหรัฐอเมริกาช่วยลดต้นทุนการผลิตและแรงงาน ส่วนธุรกิจชิ้นส่วนอุปกรณ์และตกแต่งยานยนต์ ภายใต้แบรนด์ Aeroklas ตั้งเป้าหมายยอดขายเติบโต 20-23% ได้ประโยชน์จากอุตสาหกรรมยานยนต์ฟื้นตัว ธุรกิจบรรจุภัณฑ์พลาสติกภายใต้แบรนด์ EPP ตั้งเป้าหมายยอดขายเติบโต 5-8% เน้นการปรับปรุงการผลิตและสร้างการรับรู้ของแบรนด์
SNNP* (ซื้อเก็งกำไร / ราคาเป้าหมาย Bloomberg Consensus 19.80 บาท) คาดภาพการดำเนินงานยังคงขยายตัวได้ต่อเนื่อง โดยConsensus ประเมินกำไรสุทธิในช่วง 2Q65 อยู่ที่ 116 ลบ. (+51%YoY, +10%QoQ) ได้แรงหนุนในเชิงรายได้จากการ Reopening ทั้งในประเทศไทยและต่างประเทศโดยเฉพาะเวียดนามและกัมพูชา ขณะที่ทางบ.เองยังคงมีการออกผลิตภัณฑ์ใหม่ๆอย่างต่อเนื่องตามกระแส ล่าสุดมีทั้งที่เป็น ขนมรูปน่องไก่ผสมใบกัญชา กลิ่นบาร์บีคิว และ น้ำผลไม้ ผสมน้ำใบกัญชา ขณะที่ระยะถัดไปยังมีปัจจัยขับเคลื่อนการเติบโตจากโรงงานในเวียดนามซึ่งคาดว่าจะทะยอยเปิดเป็น 3 เฟส(เฟสแรกในช่วงครึ่งปีหลังนี้ และ เฟสสุดท้ายช่วงปลายปีหน้า) ทั้งนี้ตลาดคาดว่าในปี65 และ66 กำไรสุทธิของ SNNP* จะสามารถขยายตัวได้โดดเด่นมาอยู่ที่ระดับ 492 ลบ. (+13%YoY) และ 609 ลบ.(+24%YoY) ตามลำดับ
**บล.เคทีบีเอสที จำกัด (มหาชน) คาดดัชนีฯ มีโอกาสปรับตัวขึ้น นักลงทุนเล่นหุ้นที่มีปัจจัยเฉพาะตัว และปรับพอร์ตก่อนประชุม Fed ไปแล้ว ทั้งนี้ นักวิเคราะห์สถาบันต่าง ๆ เริ่มมีการออกมาคาดการณ์นโยบายการเงินของ Fed ว่าน่าจะมีการปรับขึ้นดอกเบี้ยที่ระดับ 0.75%-1% นักลงทุนส่วนใหญ่เฝ้ารอผลการประชุม Fed ในคืนวันพุธนี้(27)
ประเด็น การลดการส่ง Gas ของรัสเซียที่กดดดันยุโรป จะทำให้ราคาสินค้าพลังงาน(น้ำมัน-ถ่านหิน) ปรับตัวสูงขึ้น แต่เรามองเป็นเกมส์การเมืองจากฝั่งรัสเซีย
ยูเครนเริ่มมีการส่งออกธัญพืช-สินค้าด้านอาหารวันนี้ เรามองว่าปัญหาด้านสินค้าเกษตร-อาหาร เริ่มคลี่คลายลงแล้ว
ตัวแปรที่ช่วยหนุนตลาดช่วงนี้จะเป็นการรายงานผลประกอบการของบริษัทในตลาด นักลงทุนเริ่มเข้ามาเก็งงบที่คาดว่าจะมีแนวโน้มผลประกอบการดี และราคายังขึ้นมาไม่มาก
วันนี้ ครม. จะมีการเคาะเพิ่มเติมมาตรการหนุนรถ EV เว้นอากร และลดภาษีประจำปี เรามองกว่าหุ้นในกลุ่ม EV อาจจะได้อานิสงค์จากข่าวนี้ (EA, NEX)
หุ้นส่งงวันนี้ ได้แก่ SCC (KTBST คาดกำไรสุทธิ 2022E-2023E ที่ 3.82/4.51 หมื่นล้านบาท ลดลง 19% YoY ใน 2022E), SCGP (KTBST ประเมินกำไรปกติ 2Q22E ที่ 1.7 พันล้านบาท ลดลง -25% YoY แต่ทรงตัว QoQ)
ตัวเลขเศรษฐกิจวัน คือ ดัชนีฯ คววามเชื่อมั่นผู้บริโภค เดือน ก.ค. สหรัฐฯ
Strategy
ค่อนข้างชัดเจนที่การปรับพอร์ตรับการปรับขึ้นดอกเบี้ยของ Fed นั้นจบไปแล้ว จากนี้คือรอดูผล หมายความว่า โอกาสที่ตลาดจะถูกขายในช่วง 2 วันนี้ จะมีน้อย เพราะนักลงทุนจะ move on ไปเล่นเรื่องอื่นแทน เช่น งบดี หรือข่าวบวกเฉพาะตัว
TLI ไม่เข้า SET50 แบบ Fast Track อาจทำให้หุ้นลำดับท้ายๆ ที่เสี่ยงหลุด คือ IPRC ถูกซื้อกลับในวันนี้
หุ้นราคาลงมาลึก และมีการดีดกลับ จับสัญญาณเก็งกำไร วันนี้ เราชอบ NCAP, RBF, BAM, AEONTS, TIDLOR
พอร์ตหุ้นวันนี้ เรานำหุ้น PSL, BEC ออกจากพอร์ต และเพิ่มหุ้น ONEE*, TIDLOR เข้ามาในพอร์ต หุ้นในพอร์ตประกอบไปด้วย ONEE*(10%), TIDLOR(10%) , JMART*(10%), HMPRO(10%), KCE(10%) , WICE(10%), MINT(10%)
Strategy Stock Pick
ONEE*: (เป้าเชิงกลยุทธ์ 10.40 บาท) “รับกระแส The Voice Thailand Season ใหม่”
• กระแส Thai Voice Thailand All star Season ใหม่ค่อนข้างร้อนแรง ยอด View บน YouTube รวมทะลุ 27.59 ล้าน ใน 2 สัปดาห์ การตอบรับถือว่าดี คาดเม็ดเงินโฆษณาเพิ่มขึ้น
• จำนวนผู้ใช้งาน Application เพิ่มขึ้นต่อเนื่อง ยอดดาวน์โหลดเกิน 10 ล้านครั้งภายใน 7 เดือน ยอดสมาชิกแตะ 7 ล้านราย เพิ่มโอกาสในการสร้างรายได้ในอนาคต (หากมี Exclusive Content ในอนาคต)
• Bloomberg Consensus ประเมินกำไรสุทธิปี 2022-2023 เฉลี่ยที่ 1 พัน ลบ. และ 1.26 พัน ลบ. +26%YoY และ +21%YoY ตามลำดับ
Technical : YUASA, TEAM