รีเซต

Bitazza เพิ่ม 6 โทเคนใหม่คู่เงินบาท ดันโอกาสลงทุนคนไทยสู่ตลาดโลก

Bitazza เพิ่ม 6 โทเคนใหม่คู่เงินบาท ดันโอกาสลงทุนคนไทยสู่ตลาดโลก
ทันหุ้น
25 กรกฎาคม 2568 ( 15:45 )
12

#Bitazza #ทันหุ้น - บริษัท บิทาซซ่า จำกัด หรือ Bitazza Thailand นายหน้าซื้อขายสินทรัพย์ดิจิทัลชั้นนำในประเทศไทยเชื่อมต่อคนไทยเข้าถึงโปรเจกต์ระดับโลก พร้อมเพิ่มโอกาสและตัวเลือกการลงทุนในสินทรัพย์ดิจิทัลรับตลาดในช่วงขาขึ้นและมาตรการยกเว้นภาษีเงินได้บุคคลธรรมดาที่มาจากกำไรจากคริปโทเคอร์เรนซีผ่านการเพิ่ม 6 โทเคนใหม่ให้ซื้อขายคู่เงินบาท ครอบคลุมถึงกลุ่ม DeFi, PayFi, AI ไปจนถึงโปรเจกต์สร้างสรรค์อย่างเหรียญมีม

 

โทเคนใหม่ที่เพิ่มให้ซื้อขายคู่เงินบาทในเดือนกรกฎาคม 2568 ได้แก่ Ondo (ONDO), Huma Finance (HUMA), Jupiter (JUP) รวมถึงอีก 3 เหรียญที่นับว่าเป็นการเปิดให้ซื้อขายคู่เงินบาทเป็นครั้งแรกในประเทศไทยอย่าง Pudgy Penguins (PENGU), Fartcoin (FARTCOIN) และ Bittensor (TAO)

 

นายธนวัต สุตันติวรคุณ
ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท บิทาซซ่า จำกัด
กล่าวว่า “การเพิ่มโทเคนอย่างต่อเนื่องสะท้อนความมุ่งมั่นของเราในการเชื่อมต่อคนไทยเข้าสู่โปรเจกต์ระดับโลกอย่างครอบคลุมและหลากหลาย พร้อมเลือกสรรค์โปรเจกต์คุณภาพในหลายกลุ่มเพื่อให้คนไทยสามารถเข้าถึงโอกาสในการลงทุนและลงทุนได้สะดวกสบายผ่านคู่ซื้อขายกับเงินบาท ทำให้ปัจจุบันเรามีโทเคนให้ซื้อขายกว่า 100 เหรียญ”

 

การเพิ่มโทเคนในครั้งนี้สอดรับกับขาขึ้นของตลาด หลังจากราคา Bitcoin (BTC) สามารถสร้างจุดสูงสุดใหม่ได้เหนือระดับ 120,000 ดอลลาร์สหรัฐ คาดว่านักลงทุนรายย่อยจะเริ่มกลับเข้ามาในตลาดมากขึ้นหลังจากช่วงที่ผ่านมานักลงทุนสถาบันเป็นผู้ที่ผลักดันตลาด โดยเริ่มเห็นสัญญาณจากการที่มีการไหลเข้าของสเตเบิลคอยน์ (Stablecoin) ไปยังเว็บเทรดคริปโตระดับโลกสูงเป็นประวัติการณ์ บ่งบอกว่านักลงทุนรายย่อยเริ่มที่จะกลับเข้ามาในตลาดและมีความเป็นไปได้สูงที่เหรียญทางเลือก (Altcoin) จะเริ่มมีการซื้อขายที่มากขึ้นจากการที่ ก.ล.ต. สหรัฐอเมริกาจะอนุมัติ ETF ของเหรียญ Altcoin ที่ยื่นเข้ามากกว่า 100 รายการ ประกอบกับการที่ประธานาธิบดี Donald Trump เพิ่งเซ็นอนุมัติกฎหมาย GENUIS Act ที่จะทำให้การออก Stablecoin มีกฎระเบียบที่ชัดเจนและส่งผลดีต่อนักลงทุนมากขึ้น

 

สำหรับตลาดสินทรัพย์ดิจิทัลในไทย มาตรการละเว้นการเก็บภาษีสินทรัพย์ดิจิทัลของภาครัฐจะมีส่วนช่วยผลักดันให้การซื้อขายสินทรัพย์ดิจิทัลมีความคึกคักมากขึ้นเพราะช่วงที่ผ่านมาประเด็นเรื่องภาษีเป็นหนึ่งในปัจจัยที่ทำให้นักลงทุนบางส่วนลังเลในการเข้ามาในตลาดสินทรัพย์ดิจิทัล การที่ Bitazza Thailand เพิ่มโทเคนใหม่จะช่วยให้นักลงทุนไทยมีโอกาสในการลงทุนเพื่อสร้างผลตอบแทนและมีตัวเลือกในการบริหารความเสี่ยงจากการลงทุนในสินทรัพย์ดิจิทัลได้มากยิ่งขึ้น

 

“มาตรการยกเว้นภาษีสินทรัพย์ดิจิทัลของภาครัฐถือเป็นก้าวสำคัญที่ช่วยให้การลงทุนของนักลงทุนไทยเป็นเรื่องที่เข้าถึงได้ง่ายขึ้นและมีความน่าสนใจมากขึ้น การเพิ่มโทเคนใหม่ในครั้งนี้จะช่วยเปิดโอกาสให้นักลงทุนไทยสามารถกระจายการลงทุน บริหารความเสี่ยง และมีส่วนร่วมในยุคใหม่ของการเงินดิจิทัลได้อย่างมั่นใจยิ่งขึ้น” นายธนวัต กล่าวเสริม

 

ก่อนหน้านี้ Bitazza Thailand ก็ได้เป็นผู้นำในการผลักดันให้คนไทยเข้าถึงโปรเจกต์ใหญ่มาอย่างต่อเนื่องอย่างเช่น การเป็นแพลตฟอร์มธุรกิจสินทรัพย์ดิจิทัลแรกที่เชื่อมต่อกระแส DeFi ให้คนไทยเข้าถึงตั้งแต่ปี 2563 ผ่านการเพิ่มเหรียญ Compound (COMP) และพร้อมเปิดให้ซื้อขายโทเคนสำคัญอื่น ๆ ตามมา เช่น Uniswap (UNI) ในปี 2564 ท่ามกลางกระแส DeFi ยุคแรก

 

ยอดนิยมในตอนนี้

แท็กยอดนิยม

ข่าวที่เกี่ยวข้อง