รีเซต

คันทรี่ มองปัจจัยหนุนศก.ไทยเริ่มแล้ว จากเปิดประเทศ-คงดอก-ส่งออกโตดี

คันทรี่ มองปัจจัยหนุนศก.ไทยเริ่มแล้ว จากเปิดประเทศ-คงดอก-ส่งออกโตดี
มติชน
21 มิถุนายน 2564 ( 16:53 )
49
คันทรี่ มองปัจจัยหนุนศก.ไทยเริ่มแล้ว จากเปิดประเทศ-คงดอก-ส่งออกโตดี

 

เมื่อวันที่ 21 มิถุนายน นายวทัญ จิตต์สมนึก ผู้อำนวยการ ฝ่ายวิเคราะห์กลยุทธ์ บริษัท หลักทรัพย์ คันทรี่ กรุ๊ป จำกัด(มหาชน) กล่าวว่า ภายหลังการประชุมเฟด พบว่าอัตราผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาล (US Bond YieldX) อายุยาว 10 ปี 20 ปี 30 ปี ปรับตัวลดลงอย่างมีนัยยะ ขณะที่อัตราผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลสหรัฐอายุสั้นปรับขึ้น เชื่อว่าเป็นการปรับตามนโยบายดอกเบี้ยของเฟด แต่การปรับลงของอายุยาวสะท้อนถึงความคาดหวังเงินเฟ้อของตลาดรวม ถึงมุมมองด้านเศรษฐกิจของตลาดในอนาคตที่เป็นลบ ซึ่งสอดคล้องกับความคาดหวังเงินเฟ้อสหรัฐ 10 ปีจากนี้ที่ปรับตัวลงอย่างมีนัย ดังนั้นกลุ่มที่เป็นตัวป้องกันเงินเฟ้ออย่างพวก สินค้าโภคภัณฑ์ (Commodity) มีโอกาสเห็นการปรับฐานได้ สอดคล้องกับราคาสินค้าโภคภัณฑ์หลายตัวเริ่มปรับฐานลงมา อาทิ กากถั่วเหลือง ทองคำ ทองแดง จะเป็นบวกกับหุ้นที่มีต้นทุน เป็นสินค้าโภคภัณฑ์อาทิ อิเล็กทรอนิกส์ เลี้ยงสัตว์

 

 

 

ส่วนปัจจัยในประเทศความคืบหน้าของการเปิดประเทศยังคงเข้ามาต่อเนื่อง ตามที่นายกรัฐมนตรีได้โพสต์ข้อความลง FB ใจความว่าการเปิดประเทศให้นักท่องเที่ยวต่างชาติเข้ามาได้ โดยไม่มีเงื่อนไขยุ่งยากจนเกินไปในช่วงตุลาคมจะยังคงดำเนินต่อไป รวมไปถึงทางกทม. ได้อนุญาตให้ร้านสะดวกซื้อใน กทม. กลับมาเปิดได้ 24 ชั่วโมง ส่วนร้านอาหารให้รับประทานได้ถึง 23.00 น. แต่ยังห้ามดื่มแอลกอฮอล์ ดูต่อธุรกิจที่เกี่ยวข้อง จากทั้งหมดเราประเมินว่า SET อาจมีจังหวะของการปรับฐานจากจิตวิทยาลบต่างประเทศแต่เชื่อไม่ลึกมากเพราะในประเทศมีปัจจัยบวก

 

 

 

ส่วนปัจจัยสัปดาห์นี้ การประชุม กนง. 23 มิถุนายน จะมีตัวเลขการค้าระหว่างประเทศของเดือนพฤษภาคม สำหรับการประชุม กนง. เชื่อที่ประชุมคงดอกเบี้ยนโยบายแต่แนะติดตามมุมมองเศรษฐกิจ ส่วนตัวเลขการค้าระหว่างประเทศ Bloomberg ระบุมูลค่าส่งออกบวก 35% นำเข้าบวก 54%YoY หากดีกว่าคาดจะเป็นบวกกับตลาดกลยุทธ์การลงทุน เพิ่มความระมัดระวังต่อกลุ่มสินค้าโภคภัณฑ์แต่มองหุ้นได้ประโยชน์ อาทิ อิเล็กทรอนิกส์ เลี้ยงสัตว์ ส่วนจังหวะการปรับฐานของดัชนีให้มองเป็นโอกาสสะสมกลุ่มหุ้นที่ได้รับอานิสงค์จากการมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจ อาทิ ค้าปลีก รถไฟฟ้า ธนาคาร สื่อนอกบ้าน ศูนย์การค้า ตามปัจจัยบวกจากการทยอยเปิดเมืองช่วงครึ่งปีหลัง มีปัจจัยบวกจากการที่ กทม. ประกาศให้ร้านสะดวกซื้อกลับมาเปิดได้ 24 ชั่วโมง ซึ่งบริษัทจะได้ประโยชน์โดยตรงจากการที่มีสาขากทม.และปริมณฑลคิดเป็นสัดส่วนถึง 44% ของสาขาทั้งหมด ขณะที่ราคาหุ้นที่ปรับฐานลงมา 12.5% จากจุดสูงสุดก่อนหน้า เชื่อรับปัจจัยลบไปหมดแล้ว

 

 

ข่าวที่เกี่ยวข้อง