รีเซต

"อุบล ไบโอ เอทานอล" เคาะราคา IPO ที่หุ้นละ 2.40 บาท ขาย 21-23 ก.ย.

"อุบล ไบโอ เอทานอล" เคาะราคา IPO ที่หุ้นละ 2.40 บาท ขาย 21-23 ก.ย.
ทันหุ้น
17 กันยายน 2564 ( 11:32 )
173
"อุบล ไบโอ เอทานอล" เคาะราคา IPO ที่หุ้นละ 2.40 บาท ขาย 21-23 ก.ย.

ทันหุ้น-"อุบล ไบโอ เอทานอล" หรือ UBE ผู้ผลิตและแปรรูปมันสำปะหลังแบบครบวงจร เคาะราคาขายหุ้น IPO ที่ 2.40 บาทต่อหุ้น เตรียมเปิดให้นักลงทุนรายย่อยจองซื้อวันที่ 21-23 ก.ย. 2564 พร้อมเตรียมนำหุ้นเข้าซื้อขายวันแรกในตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย (SET) ในเดือนกันยายนนี้ เตรียมเดินหน้าเพิ่มขีดความสามารถการแข่งขันรองรับโอกาสทางธุรกิจในอนาคต พร้อมวางเป้าหมายการเติบโตในระยะสั้น และระยะกลาง ผ่านการลงทุนทั้ง 3 ธุรกิจ 

 

นางยอดฤดี สันตติกุล รองกรรมการผู้อำนวยการ บริษัทหลักทรัพย์ เอเซีย พลัส จำกัด ในฐานะผู้จัดการการจัดจำหน่าย กล่าวว่า บมจ.อุบล ไบโอ เอทานอล ได้กำหนดราคาเสนอขายหุ้นสามัญแก่ประชาชนทั่วไปเป็นครั้งแรก (IPO) ที่ราคา 2.40 บาทต่อหุ้น โดยเตรียมเปิดให้นักลงทุนจองซื้อหุ้น IPO ในวันที่ 21-23 กันยายน 2564 และคาดว่าจะนำหุ้นเข้าจดทะเบียนและซื้อขายวันแรกในตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย (SET) ในเดือนกันยายนนี้ โดยจำนวนหุ้นที่เสนอขายทั้งหมดคิดเป็นไม่เกินร้อยละ 35 ของจำนวนหุ้นสามัญที่ออกและชำระแล้วทั้งหมดของบริษัทฯ ภายหลังการเสนอขายหุ้นสามัญในครั้งนี้ 

 

บริษัทฯ จะนำเงินที่ได้จากการรระดมทุนครั้งนี้ไปลงทุนในโครงการที่เกี่ยวข้องกับการดำเนินธุรกิจในปัจจุบัน ส่วนที่เหลือจะนำไปใช้เป็นเงินทุนหมุนเวียนในการดำเนินธุรกิจ เพื่อลดการใช้เงินกู้ยืมจากสถาบันการเงิน

 

“การกำหนดราคาหุ้น IPO ของ UBE ที่ราคา 2.40 บาทต่อหุ้น ถือเป็นระดับราคาที่เหมาะสมกับปัจจัยพื้นฐานที่แข็งแกร่ง จากศักยภาพการเติบโตและแผนการลงทุนที่ชัดเจน ประกอบกับโอกาสที่จะเติบโตได้อย่างต่อเนื่องในอนาคต ทำให้ UBE มีความสามารถเติบโตอย่างมั่นคงในระยะยาว” นางยอดฤดี กล่าว

 

ปัจจุบัน UBE มีทุนจดทะเบียน 3,914,286,000 บาท แบ่งเป็นหุ้นสามัญจำนวน 3,914,286,000 หุ้น มูลค่าที่ตราไว้ (พาร์) 1 บาทต่อหุ้น โดยมีทุนที่ออกและเรียกชำระแล้วจำนวน 2,740,000,000 บาท แบ่งเป็นหุ้นสามัญจำนวน 2,740,000,000 หุ้น และจะเสนอขายหุ้นสามัญต่อประชาชนทั่วไปเป็นครั้งแรก (IPO) จำนวนไม่เกิน 1,370,000,000 หุ้น ประกอบด้วย (1) หุ้นสามัญเพิ่มทุนที่เสนอขายโดยบริษัทฯ จำนวนไม่เกิน 1,174,286,000 หุ้น (2) หุ้นสามัญเดิมที่เสนอขายโดย บริษัท ไทยออยล์ เอทานอล จำกัด จำนวนไม่เกิน 97,857,000 หุ้น และ (3) หุ้นสามัญเดิมที่เสนอขายโดย บมจ.บีบีจีไอ (BBGI) จำนวนไม่เกิน 97,857,000 หุ้น 

 

นายเดชพนต์ เลิศสุวรรณโรจน์ กรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท อุบล ไบโอ เอทานอล จำกัด (มหาชน) เปิดเผยว่า บริษัทฯ มุ่งมั่นสู่การเป็นบริษัทจดทะเบียนชั้นนำในตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย ด้วยจุดเด่นการเป็น Well-Integrated Tapioca Player หรือ ผู้ผลิตและแปรรูปมันสำปะหลังแบบครบวงจรรายใหญ่ที่สุดในภาคตะวันออกเฉียงเหนือตอนล่าง และเป็นผู้นำนวัตกรรมการผลิตที่มีประสิทธิภาพและประสิทธิผล โดยมุ่งขยายการผลิตและจำหน่ายสินค้าทางการเกษตรที่มีมูลค่าสูง (High Value Product หรือ HVP) และสร้างธุรกิจภายใต้นโยบายความรับผิดชอบต่อสังคมและสิ่งแวดล้อม เพื่อให้การดำเนินธุรกิจอยู่ร่วมกันได้อย่างยั่งยืน 

 

ปัจจุบัน UBE ผู้ผลิตและจำหน่ายผลิตภัณฑ์แปรรูปจากมันสำปะหลังรายใหญ่ของประเทศ ประกอบธุรกิจหลัก 3 ประเภท ได้แก่ 

 

1) ธุรกิจเอทานอล บริษัทฯ ถือเป็นผู้ผลิตเอทานอลรายใหญ่ของประเทศ และเป็นอันดับหนึ่งในกลุ่มผู้ผลิตเอทานอลจากมันสำปะหลัง ด้วยกำลังการผลิต 400,000 ลิตรต่อวัน หรือ 146 ล้านลิตรต่อปี สามารถผลิตเอทานอลได้ทั้งเกรดเชื้อเพลิง (Fuel Grade Alcohol) 99.8% ที่ใช้วัตถุดิบในการผลิตที่หลากหลาย ทั้งมันสด มันเส้น น้ำตาลทรายดิบและกากน้ำตาล รวมทั้งเอทานอลเกรดอุตสาหกรรม (Industrial Grade  Alcohol) 95% ซึ่งบริษัทฯ ได้รับอนุญาตชั่วคราวจากกรมสรรพสามิต ให้สามารถจำหน่ายเอทานอลเกรดอุตสาหกรรม เพื่อผลิตผลิตภัณฑ์ที่ใช้สำหรับทำความสะอาดมือ และผลิตภัณฑ์ทำความสะอาดที่มีแอลกอฮอล์เป็นส่วนประกอบ ภายใต้แบรนด์ "UBON BIO" และ "KLAR" ซึ่งมียอดขายสูงสุดบนแพลตฟอร์มออนไลน์

 

2) ธุรกิจผลิตและจำหน่ายแป้งมันสำปะหลัง เกรดอาหารและเกรดอุตสาหกรรม ภายใต้แบรนด์ “อุบลซันฟลาวเวอร์” มีผลิตภัณฑ์หลัก ได้แก่ แป้งมันสำปะหลังออร์แกนิค ซึ่งบริษัทฯ ถือเป็นผู้ส่งออกรายใหญ่ของโลก มีปริมาณการส่งออกมากกว่า 20,000 ตันต่อปีและเป็นผู้ผลิตเพียงไม่กี่รายในโลกที่สามารถผลิตแป้งมันสำปะหลังออร์แกนิคที่ได้รับการรับรองมาตรฐานสินค้าออร์แกนิคสากล ที่ปลอดสารเคมีตั้งแต่การเพาะปลูกจนถึงกระบวนการแปรรูป ปัจจุบันมีการวิจัย และพัฒนาสามารถสร้างสรรค์ผลิตภัณฑ์ใหม่ ได้แก่ “แป้งฟลาวมันสำปะหลัง” ภายใต้แบรนด์ “Tasuko” และ “Savvy” ที่สามารถใช้ทดแทนแป้งสาลีในอุตสาหกรรมขนม และเบเกอรี่  ได้ในทุกมิติ เช่น ขนมปัง เบเกอรี่ เส้นพาสต้า เส้นราเมน ขนมขบเคี้ยว พิซซ่า แป้งชุบทอด เป็นต้น มีคุณสมบัติเด่น คือ Organic Gluten-Free Non GMO High Fiber Low GI  โดยได้ร่วมมือกับสถาบันสวทช. ผลิตผลิตภัณฑ์นำร่องเป็นแป้งฟลาวผสมเสร็จ (Premix Flour) 3 สูตรได้แก่ แพนเค้ก คุกกี้ และ บราวนี่ จำหน่ายในในซูเปอร์มาร์เก็ตชั้นนำ และร้านขายส่วนผสมวัตถุดิบสำหรับทำเบเกอรี่ทั่วประเทศ 

 

และ 3) ธุรกิจเกษตรอินทรีย์ UBE ถือเป็นผู้ผลิตและจำหน่ายสินค้าเกษตรอินทรีย์ มีแผนพัฒนาผลิตภัณฑ์ที่สร้างมูลค่าเพิ่มจากวัตถุดิบทางการเกษตรประเภทต่างๆ ได้แก่ การผลิตกาแฟออร์แกนิค (Organic Coffee) และข้าวออร์แกนิค (Organic Rice) ที่ได้รับมาตรฐานออร์แกนิคสากล มีการบริหารจัดการครบวงจรตั้งแต่แปลงปลูกจนถึงมือลูกค้า โดยใช้เทคโนโลยีในการตรวจรับรอง และผลิตปัจจัยการเกษตรครบวงจร เช่น ปุ๋ยอินทรีย์ และสารชีวภัณฑ์ และคาดว่าจะมี R&D เพื่อพัฒนาสินค้าเกษตรอินทรีย์มูลค่าสูงอื่นๆ เพิ่มขึ้นในอนาคต 

 

ปัจจุบันบริษัทฯ มีพื้นที่เกษตรอินทรีย์ในประเทศราว 7,000 ไร่ และมีเครือข่ายเกษตรกรที่เป็น Contract Farming 100% ด้วยความร่วมมือระหว่างภาครัฐ ภาคเอกชน เกษตรกร ภาคประชาสังคม ในกระบวนการที่เรียกว่า “อุบลโมเดล” เป็นปัจจัยที่ช่วยส่งเสริมให้ธุรกิจเกิดความสำเร็จอย่างยั่งยืน

 

**ขยายกำลังการผลิต 

 

กรรมการผู้จัดการใหญ่ UBE กล่าวเพิ่มเติมว่า การเข้าระดมทุนครั้งนี้ จะช่วยเพิ่มขีดความสามารถการแข่งขันเพื่อรองรับโอกาสทางธุรกิจในอนาคต โดยบริษัทฯ วางเป้าหมายการเติบโตในระยะสั้นและระยะกลาง จากแผนลงทุนเพื่อขยายธุรกิจทั้งในส่วนของธุรกิจเอทานอล ธุรกิจแป้งมันสำปะหลังและธุรกิจเกษตรอินทรีย์ แบ่งเป็น กลุ่มธุรกิจเอทานอลในระยะสั้น จะมุ่งปรับปรุงและพัฒนาประสิทธิภาพกระบวนการผลิตเอทานอล เพื่อรองรับความต้องการใช้เอทานอลที่อาจเพิ่มขึ้นในระยะอันใกล้ โดยมีแผนขยายกำลังการผลิตของโรงงานเอทานอลผ่านการทำ De-bottlenecking Capacity โดยยังคงนโยบายลงทุนเพื่อสร้างมูลค่าเพิ่มให้กับวัสดุเหลือใช้อย่างต่อเนื่อง เพื่อบริหารจัดการทรัพยากรที่มีอยู่ให้เกิดประโยชน์สูงสุด 

 

ขณะที่ในระยะสั้นถึงระยะกลาง บริษัทฯ จะมุ่งเน้นขยายธุรกิจแป้งมันสำปะหลังออร์แกนิค ซึ่งปัจจุบันมีการผลิต 4 หมื่นตันต่อปี จะเพิ่มเป็น 1 แสนตันต่อปี ภายในระยะ 5 ปีข้างหน้า (2564-2568) และจะลดการผลิตแป้งมันสำปะหลังแบบทั่วไป (Cassava Starch) ลงจากปัจจุบันผลิตอยู่ 1.1 แสนตันต่อปี เหลือเพียง 4-5 หมื่นตันต่อปี เนื่องจากอัตรากำไรต่อหน่วยการขายจากธุรกิจผลิตแป้งมันสำปะหลังออร์แกนิคสูงกว่า 3 เท่า รวมถึงการขยายโครงการลงทุนเพื่อเพิ่มสายการผลิตผลิตภัณฑ์สารให้ความหวาน เช่น ไซรัป (Syrup) และมอลโทเดกซ์ทริน (Maltodextrin) 

 

ซึ่งในปี 2565 บริษัทฯ มีแผนนำกาแฟ และข้าวออร์แกนิคมาพัฒนาเป็นแบรนด์ของตัวเอง เพื่อต่อยอดไปสู่จุดหมายการเป็นผู้นำด้านเกษตรอินทรีย์ และพร้อมมุ่งสู่การเป็นผู้ผลิตและจำหน่ายผลิตภัณฑ์อาหารปลอดภัยชั้นนำของโลก โดยจะดำเนินการควบคู่กับธุรกิจพลังงาน เพื่อการเติบโตอย่างยั่งยืนและมั่นคงในระยะยาว

 

นายชุณห์ โภไคศวรรย์ รองกรรมการผู้จัดการใหญ่ ฝ่ายบัญชีและการเงิน UBE กล่าวว่า ผลการดำเนินงานในงวด 6 เดือนแรกของปี 2564 บริษัทฯ  มีรายได้มีจากการขายรวม 2,946.11 ล้านบาท เติบโต 40%  เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อนที่มีรายได้ 2,104.23 ล้านบาท โดยธุรกิจเอทานอลมีสัดส่วนรายได้ 47% ธุรกิจแป้งมันสำปะหลัง 50% และธุรกิจเกษตรอินทรีย์ 3% ซึ่งสถานการณ์การแพร่ระบาดของไวรัส COVID-19 ถือเป็นตัวเร่งให้กลุ่มผู้บริโภคหันมาดูแลสุขภาพมากขึ้น ใส่ใจในการรับประทานอาหารที่ดีต่อสุขภาพ ปลอดสารพิษ หรือที่เรียกว่า Organic Food ส่งผลให้ปริมาณการจำหน่ายแป้งมันสำปะหลังออร์แกนิคมีแนวโน้มเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่องจาก 15,600 ตันในปี 2562 เป็น 22,000 ตันในปี 2563 และเพิ่มเป็น 26,100 ตันในครึ่งปีแรกของปี 2564 

 

ขณะเดียวกันธุรกิจเอทานอล ยังคงมีรายได้จากการจำหน่ายเอทานอลที่เพิ่มต่อเนื่อง โดยมีการกระจายฐานผู้ค้าน้ำมันให้หลากหลายมากขึ้นในการจำหน่ายเอทานอลเกรดเชื้อเพลิง ประกอบกับบริษัทฯ มีรายได้จากการจำหน่ายเอทานอลเกรดอุตสาหกรรมจากการได้รับอนุญาตเป็นการชั่วคราวจากภาครัฐให้สามารถจำหน่ายเอทานอลเกรดอุตสาหกรรม เพื่อนำไปใช้ผลิตผลิตภัณฑ์ทำความสะอาดมือในช่วงสถานการณ์แพร่ระบาดของไวรัส COVID-19 ส่วนกำไรสุทธิใน 6 เดือนแรกของปี 2564 มีผลกำไร 106.6 ล้านบาท สูงกว่าปีที่แล้วทั้งปี ซึ่งอยู่ที่ 99.3 ล้านบาท หลังกำไรขั้นต้นปรับตัวดีขึ้น และสามารถควบคุมค่าใช้จ่ายในการบริหารได้ดียิ่งขึ้น ส่งผลให้กำไรสุทธิเติบโตอย่างโดดเด่น

 

นางรัชดา เกลียวปฏินนท์  ผู้ช่วยกรรมการผู้อำนวยการ บริษัท ที่ปรึกษา เอเซีย พลัส จำกัด ในฐานะที่ปรึกษาทางการเงิน กล่าวว่า การเข้าจดทะเบียนใน SET ของ UBE ถือเป็นก้าวสำคัญในการเพิ่มศักยภาพและฐานะการเงินเพื่อรองรับแผนขยายการลงทุนต่างๆ จากประสบการณ์ในธุรกิจที่มีมาอย่างยาวนานกว่า 16 ปี ด้วยการเป็นผู้ผลิตเอทานอลจากมันสำปะหลังรายใหญ่ของประเทศ มีกำลังการผลิต 146 ล้านลิตรต่อปี ผ่านการใช้เทคโนโลยีการผลิตแบบ Hybrid สามารถรองรับวัตถุดิบได้หลากหลาย ทำให้บริษัทสามารถบริหารจัดการต้นทุนสินค้าได้ดี และสามารถเสนอราคาขายที่แข่งขันได้กับผู้ประกอบการรายอื่น 

 

นอกจากนี้ UBE ยังเป็นผู้ผลิตแป้งมันสำปะหลังออร์แกนิคและแป้งฟลาวที่มีศักยภาพในการเติบโตสูง จากการที่ผลิตภัณฑ์ได้รับการรับรองมาตรฐานออร์แกนิคสากล ประกอบกับแนวโน้มพฤติกรรมของผู้บริโภคที่หันมามุ่งเน้นอาหารเพื่อสุขภาพ โดย UBE เรียกได้ว่าเป็นผู้ผลิตและแปรรูปมันสำปะหลังแบบครบวงจรรายใหญ่ที่สุดในภาคตะวันออกเฉียงเหนือตอนล่าง ที่มีการใช้มันสำปะหลังเป็นวัตถุดิบในกระบวนการผลิตแป้งมันสำปะหลังและเอทานอล และปัจจุบันได้มีการต่อยอดไปสู่ธุรกิจเกษตรอินทรีย์ โดย UBE มุ่งเน้นการวิจัยและพัฒนาผลิตภัณฑ์ที่สร้างมูลค่าเพิ่มจากวัตถุดิบทางการเกษตรประเภทต่างๆ อย่างต่อเนื่อง ควบคู่กับการพัฒนาเครือข่ายเกษตรกรที่เข้มแข็ง ผ่านการส่งเสริมการเกษตรที่มีประสิทธิภาพ ทำให้ UBE มีจุดเด่นที่แตกต่างจากบริษัทอื่นๆในอุตสาหกรรมเดียวกัน

ยอดนิยมในตอนนี้

แท็กยอดนิยม

ข่าวที่เกี่ยวข้อง