JSP ขึ้นแท่นผู้นำสุขภาพ ทุ่ม 200 ล.ลุยซื้อกิจการ
JSP วางโรดแมป 3-5 ปี ก้าวสู่ผู้นำตลาดสุขภาพแบบครบวงจรผ่าน 3 บริษัทย่อย พร้อมเพิ่มสินค้า OWN Brand และ OEM เตรียมทุ่มงบลงทุน 200 ล้านบาท ซื้อกิจการเสริมแกร่ง วางกลยุทธ์เจาะกลุ่มออนไลน์-ออฟไลน์ ดันบริษัทย่อย CDIP เข้าตลาด
ดร.สิทธิชัย แดงประเสริฐ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท โรงงานเภสัชอุตสาหกรรม เจเอสพี (ประเทศไทย) จำกัด (มหาชน) หรือ JSP เปิดเผยว่า บริษัทได้วางโรดแมประยะยาวในการก้าวขึ้นสู่ผู้นำตลาดสุขภาพแบบครบวงจรภายใน 3-5 ปี โดยปัจจุบัน JSP ได้เป็นผู้ให้บริการด้านผลิตและจำหน่าย ยาแผนปัจจุบัน ยาแผนโบราณ ผลิตภัณฑ์สมุนไพรและผลิตภัณฑ์เสริมอาหารแบบครบวงจร เเละขยายธุรกิจและบริการที่เกี่ยวข้องกับสุขภาพผ่านบริษัทย่อย 3 บริษัท ประกอบด้วย
** โตผ่าน 3 บริษัท
1.บริษัท เกรซ วอเทอร์ เมด จำกัด (GWM) ถือหุ้นโดย JSP 52.8% ดำเนินธุรกิจธุรกิจโรงงานผลิตน้ำยาล้างไต(A-B Solution) ดำเนินธุรกิจผู้ผลิตและจัดจำหน่ายน้ำยาสำหรับผู้ป่วยฟอกไต รวมถึงนำเข้า – ส่งออกเครื่องมือแพทย์และเวชภัณฑ์ ได้แก่ เครื่องฟอกไตเทียม, เข็มต่อสายฟอกเลือด และอุปกรณ์การแพทย์อื่นๆ ที่เกี่ยวข้องกับการฟอกเลือด อีกทั้งยังมีบริษัท วารี เมดิคอล จำกัด ซึ่งเป็นบริษัทลูกภายใต้ GWM ที่ให้บริการด้านการติดตั้งระบบน้ำประปา และจำหน่ายอุปกรณ์เครื่องกรองน้ำและติดตั้งระบบน้ำบริสุทธิ์ให้กับศูนย์ฟอกไตของ GWM และลูกค้ารายอื่นๆ
2.บริษัท ซีดีไอพี (ประเทศไทย) จำกัด (มหาชน) หรือ CDIP ถือหุ้นโดย JSP 65% ประกอบธุรกิจด้านการรับจ้างวิจัยเชิงวิชาการในห้องปฏิบัติการ รับจ้าง ทดสอบและวิเคราะห์ผลทางวิทยาศาสตร์ รวมถึงจัดงานฝึกอบรมและสัมมนา และส่วนงานให้คำปรึกษาการยื่นขอทุนวิจัยด้านการวิจัยและพัฒนา โดยธุรกิจของ CDIP ถือเป็นธุรกิจต้นน้ำสำหรับการนำไปต่อยอดด้านการผลิตยา อาหารเสริม รวมถึงเครื่องสำอาง สำหรับคนและสัตว์ ซึ่งมีจุดเด่นคือ ธุรกิจนี้ยังมีผู้เล่นน้อยรายในประเทศไทย จึงถือเป็นอีกหนึ่งธุรกิจที่จะเข้ามามีบทบาทสำคัญในอนาคตของ JSP
3.บริษัท แคร์ซูติก จำกัด ถือหุ้นโดย JSP 100% บริษัทที่ให้บริการด้านอินโนเวชั่น เซ็นเตอร์ ที่มีทั้งศูนย์วิจัยและพัฒนา รวมถึงรับจ้างผลิต (OEM) ผลิตภัณฑ์ประเภทเครื่องสำอาง รวมถึงผลิตภัณฑ์เสริมอาหารสำหรับคน และสำหรับสัตว์ ที่ครอบคลุมทั้งสัตว์เลี้ยงภายในบ้าน เช่น สุนัข และแมว และสัตว์ในการเลี้ยงสำหรับการทำปศุสัตว์ เช่น หมู ไก่ เป็นต้น เพื่อรองรับความต้องการของผู้ประกอบการกลุ่มขนาดกลางขนาดย่อมและรายย่อย (MSMEs ) แม่ค้าออนไลน์ เน็ตไอดอล รวมถึงบุคคลทั่วไปที่มีความสนใจ
** ดันบ.ย่อยเข้าตลาด
โดยบริษัทมีเป้าหมายนำบริษัทย่อย เข้าระดมทุนในตลาดหลักทรัพย์ ซึ่งปัจจุบัน บริษัท ซีดีไอพี (ประเทศไทย) จำกัด (มหาชน) หรือ CDIP ถือหุ้นโดย JSP 65% ได้มีการแต่งตั้งที่ปรึกษาทางการเงินเป็นที่เรียบร้อยแล้วและคาดว่าจะสามารถยื่นไฟลิ่งได้ภายในปี 2567 ขณะที่บริษัท เกรซ วอเทอร์ เมด จำกัด (GWM) ถือหุ้นโดย JSP 52.8% ปัจจุบันอยู่ระหว่างสร้างการเติบโตให้มีเสถียรภาพ และมีแผนที่จะนำเข้าระดมทุนเป็นลำดับถัดไป
ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร กล่าวต่อว่า สำหรับในปีนี้ บริษัทประเมินว่ารายได้ปีนี้จะอยู่ที่ 500 ล้านบาท ลดลงจากประมาณการเดิมที่คาดว่าจะเติบโตที่ 600 ล้านบาท เนื่องจากลูกค้าต่างชาติอย่างประเทศจีน ที่ปัจจุบันยังไม่สามารถเดินทางเข้ามาได้มากนัก รวมถึงภาพรวมของกำลังซื้อในประเทศที่ยังไม่ฟื้นตัวเต็มที่
โดยบริษัทมีนโยบายขยายธุรกิจผ่านการควบรวมกิจการ หรือการตั้งบริษัทย่อยของบริษัท ให้ก้าวเป็นผู้ให้บริการด้านสุขภาพอย่างครบวงจร ช่วยให้งานด้านการตลาดและการขายของบริษัทประสบความสำเร็จมากขึ้น โดยล่าสุดเฉพาะยอดขายของ JSP ไม่รวมบริษัทย่อยพบว่า มีสัดส่วนผลิตภัณฑ์จาก OEM 60% ผลิตภัณฑ์จากแบรนด์ของบริษัทเอง (OWN Brand) 40% แต่ในด้านรายได้จากงานพบว่า มาจาก OWN Brand ถึง 54.9% ดังนั้นบริษัทจึงตั้งเป้าหมายว่าภายใน 3-5 ปี สินค้า OWN Brand จะมีสัดส่วนการผลิตเป็น 50 : 50 เมื่อเทียบกับสินค้า OEM
** แผนซื้อกิจการ
นอกจากนี้บริษัทยังมีแผนในการซื้อกิจการอย่างต่อเนื่อง เพื่อสร้างการเติบโตอย่างแข็งแกร่งให้แก่บริษัทโดยวางงบลงทุนไว้ปีละ 200 ล้านบาท คาดว่าจะใช้เม็ดเงินลงทุน 100 ล้านบาทต่อหนึ่งดีล
ในส่วนกลยุทธ์ทางการตลาดบริษัทเริ่มเจาะกลุ่มลูกค้าที่หลากหลายมีทั้งกลุ่มวัยทำงาน กลุ่มวัยเกษียณ ล่าสุดยังได้เจาะกลุ่มแม่ค้าออนไลน์ จึงต้องใช้การตลาดที่เข้าถึงทุกกลุ่ม ทั้งออนไลน์ และออฟไลน์ควบคู่กันไป รวมถึงช่องทางดั้งเดิมเช่น โฮมช้อปปิ้ง ที่เข้าถึงกลุ่มวัยเกษียณได้ค่อนข้างดี