400 ชีวิตกอดคอตกงาน หลังนกสกู๊ตปิดกิจการชั่วคราว เลิกจ้างนักบิน-ลูกเรือ
400 ชีวิตกอดคอตกงาน หลังนกสกู๊ตปิดกิจการชั่วคราว เลิกจ้างนักบิน-ลูกเรือ นำเครื่องบิน 7 ลำ ที่เดิมใช้ทำการบินคืนให้บริษัทแม่ที่สิงคโปร์ไปหมด
เมื่อวันที่ 25 มิ.ย. รายงานข่าวจากวงการการบินเผยถึงกรณีสายการบินนกสกู๊ต ออกประกาศแจ้งมายังสื่อมวลชนว่า สายการบินจำเป็นต้องปรับโครงสร้างธุรกิจ จากผลกระทบของการแพร่ระบาดของโควิด-19 ด้วยการปรับลดเครื่องบิน 3 ลำภายในสิ้นเดือนนี้และต้องลดจำนวนพนักงาน โดยจะชดเชยตามกฎหมายคุ้มครองแรงงานอย่างเหมาะสม
สำหรับกรณีนี้ถือว่าเป็นการปิดกิจการชั่วคราวของสายการบินนกสกู๊ต เนื่องจากการปรับลดพนักงานครั้งนี้ พบว่าสายการบินมีคำสั่งเลิกจ้างนักบินที่มีอยู่ทั้งหมด 66 คน และลูกเรือที่มีอยู่ทั้งหมดอีก 100 กว่าคน เพราะบริษัทนำเครื่องบิน 7 ลำ ที่เดิมใช้ทำการบินคืนให้บริษัทแม่ที่สิงคโปร์ไปหมดแล้ว
เท่ากับว่าต่อจากนี้สายการบินจะไม่มีเครื่องบิน ไม่มีนักบินและลูกเรืออีกต่อไป ทำให้ต้องหยุดบินหรือปิดกิจการไปโดยปริยาย แต่คาดว่าจะเป็นการหยุดบินชั่วคราวเท่านั้น เพราะสามารถนำใบอนุญาตไปขายต่อให้กับผู้ประกอบการบินรายอื่นๆ ที่สนใจได้ แต่หากแจ้งหยุดบินถาวรตามกฎหมายนั้น ต้องทำการคืนใบอนุญาตการทำการบินให้กับสำนักงานการบินพลเรือนแห่งประเทศไทย (กพท.)
“สาเหตุที่นกสกู๊ตต้องปิดกิจการชั่วคราว เนื่องจากเส้นทางส่วนใหญ่บินไปยังจีนและญี่ปุ่น ซึ่งเป็นพื้นที่ที่ยังมีการแพร่ระบาดของโรคโควิด-19 ทำให้ยังบินไม่ได้ โดยนักบินนกสกู๊ตถูกสั่งให้หยุดบินมาตั้งแต่เดือนมี.ค.63 แล้ว ซึ่งการปิดกิจการชั่วคราวครั้งนี้ คาดส่งผลกระทบทำให้พนักงานเฉพาะส่วนงานที่เกี่ยวกับกับงานปฏิบัติทางด้านการบินคือ นักบิน ลูกเรือ และช่างซ่อมบำรุงเครื่องบิน ต้องตกงานราว 300-400 คน ยังไม่รวมพนักงานประจำออฟฟิศ ซึ่งคาดว่าจะมีจำนวนไม่มากนัก”
สำหรับสายการบินนกสกู๊ต เดิมให้บริการจากท่าอากาศยานดอนเมืองไปยังเสน้ทางระหว่างประเทศเน้นหนักไปที่ประเทศจีน อาทิ เมืองนานกิง ชิงเต่า เซี่ยงไฮ้ เสิ่นหยาง และเทียนจิน รวมทั้ง ไทเป ประเทศไต้หวัน ,นาริตะ และโอซาก้า ประเทศญี่ปุ่น และเดลี ประเทศอินเดีย เป็นต้น
อ่านข่าว นกสกู๊ต ประกาศปลดพนักงานสิ้นเดือนนี้ หลังปรับลดเครื่องบิน 3 ลำ