ไม่ว่าจะเป็น อิแทวอน คลาส หรือ ไทเกอร์ คิง ทำไมเราถึงหยุดดูซีรีส์เหล่านี้ไม่ได้
ตอนดูซีรีส์ อิแทวอน คลาส (Itaewon Class) หรือไทเกอร์ คิง (Tiger King) บนเน็ตฟลิกซ์ คุณดูรวดเดียวจนจบเลยหรือเปล่า
คุณนั่งอยู่หน้าจอทั้งวัน กำลัง "อิน" ไปกับซีรีส์ที่ทุกคนกำลังพูดถึงใช่หรือไม่
ถ้าคำตอบคือ "ใช่" ก็ไม่ต้องตกใจ เพราะคุณไม่ใช่คนเดียวที่เป็นเช่นนั้น โดยเฉพาะอย่างยิ่งในตอนนี้ที่คนหลายล้านทั่วโลกติดอยู่กับบ้านจากมาตรการล็อกดาวน์รับมือกับโควิด-19
บริษัทให้บริการดูภาพยนตร์และซีรีส์ออนไลน์ยักษ์หลายเจ้าต่างก็ทำกำไรเป็นกอบเป็นกำช่วงนี้ อย่างเน็ตฟลิกซ์บอกว่ามีสมาชิกใหม่เพิ่ม 16 ล้านคนในช่วงไตรมาสแรกของปีนี้
หากรู้สึกผิดที่หมดเวลาทั้งวันไปกับการนั่งดูซีรีส์ ขอให้อ่านบทความนี้ต่อไปอีกสักนิด คุณอาจจะรู้สึกดีขึ้น
เทคนิคแยบยลดึงดูด
ซีรีส์โปรดของเราหลายเรื่องใช้เทคนิคที่แยบยลในการดึงดูดให้เราดูต่อไปเรื่อย ๆ
สก็อตต์ ไบรอัน ผู้ผลิตรายการและนักวิจารณ์รายการโทรทัศน์ บอกว่าตอนแรก การดูซีรีส์หลายตอนรวดเดียวเริ่มต้นด้วยความบังเอิญ และก็เป็นผู้บริโภคที่เป็นฝ่ายเริ่มเอง
"เน็ตฟลิกซ์เริ่มตระหนักว่าคนชอบดูซีรีส์หลาย ๆ ตอนทีเดียว ไม่ว่าจะเป็นซีรีส์ที่คุณเคยดูมาก่อนอย่างเรื่องเฟรนด์ส (Friends)... เป็นวิธีที่เน็ตฟลิกซ์พยายามตื๊อให้คุณดูรายการอีก ใช้ลูกเล่นที่แยบยลเล็ก ๆ น้อย ๆ"
ไบรอันบอกว่าเน็ตฟลิกซ์รู้ตั้งแต่แรก ๆ ว่าจะใช้รูปไหนเป็นภาพปกของซีรีส์ และเพราะอะไรถึงได้ผล และพอถึงท้ายเรื่อง เมื่อขึ้นรายชื่อนักแสดงและผู้ทำงานเบื้องหลัง ก็มีตัวเลือกให้คุณดูซีรีส์ตอนต่อไปทันที
"ด้วยเหตุนี้ บางทีคุณดูซีรีส์ไปถึงสามชั่วโมงโดยที่ไม่รู้ตัวเลย"
- Crash Landing on You: เปิดใจทหารแปรพักตร์ผู้ช่วยแต่งแต้มซีรีส์รักสองเกาหลีให้สมจริง
- วัฒนธรรมวายคืออะไร ทำไม #คั่นกู จึงเพิ่มความสนใจต่อ ซีรีส์ "คู่จิ้นชาย-ชาย"
- ไวรัสโคโรนา : เน็ตฟลิกซ์ลดคุณภาพวิดีโอรับมือผู้ชมมากขึ้นท่ามกลางวิกฤตโควิด-19
- โควิด-19 : เลดี้กาก้า นำศิลปินดังร่วมแสดงคอนเสิร์ตขอบคุณคนแนวหน้าสู้โควิด-19
สร้างมาเพื่อให้ดูรวดเดียว
คุณรู้หรือไม่ว่าผู้ผลิตซีรีส์เจ้าใหญ่ ๆ ตั้งใจคิดรายการเพื่อให้คนดูรวดเดียวหลาย ๆ ตอน ไบรอันบอกว่า เน็ตฟลิกซ์ประสบความสำเร็จเพราะพวกเขาทดลองอย่างจริงจังเรื่องจำนวนตัวละครในเรื่องและก็รูปแบบการดำเนินเรื่อง
เขายกตัวอย่างซีรีส์เรื่อง ออเรนจ์ อิส เดอะ นิว แบลค (Orange is the New Black) โดยบอกว่า "พวกเขารู้ว่าคุณจะไม่เริ่มดูจากตรงกลางเรื่องแน่ คุณจะเริ่มจากตอนแรกเลย ดังนั้นเรื่องนี้ถึงมีตัวละครราว 40 ตัว"
ไบรอันบอกว่าสำหรับซีรีส์ยาว 8 ชั่วโมงที่สามารถดูได้รวดเดียวแบบนี้ เนื้อเรื่องจะสามารถลงลึกได้มากกว่าซีรีส์ปกติที่แบ่งเป็นตอนละชั่วโมงแล้วก็ฉายทีละตอนตามช่องโทรทัศน์แบบปกติ
ข้อเสีย
ผู้เชี่ยวชาญบางคนมองว่า การดูทีวีมากเกินไปจะทำให้คนมีอาการวิตกกังวลและซึมเศร้า เมื่อปี 2016 นักวิทยาศาสตร์ญี่ปุ่นถึงกับบอกว่ามันอาจทำให้คนเสียชีวิตได้ โดยบอกว่าการนั่งนาน ๆ ทำให้เกิดอาการหลอดเลือดอุดตัน
นักจิตบำบัดอย่าง ดร.ฮามิรา ไรแอซ บอกว่า การดูซีรีส์รวดเดียวหลายตอนสามารถส่งผลต่อระบบประสาทเราได้ ซึ่งจะส่งผลต่อการนอน
"การดูซีรีส์รวดเดียวหลายตอนเป็นการกระตุ้นร่างกายตัวเองให้ทำงานนานกว่าเดิม เท่ากับว่าคุณต้องใช้เวลามากกว่านั้นอีกในการทำให้ร่างกายหายตื่นตัว"
ดร.ไรแอซบอกว่า ภาพที่อาจทำให้เกิดความไม่สบายใจ อาทิ ฉากฆาตกรรม โดยเฉพาะอย่างยิ่งตอนที่ตัวละครโปรดของคุณโดนฆ่าตาย อาจทำให้คุณรู้สึกเห็นอกเห็นใจ ซึ่งส่งผลที่ไม่ดีต่อการหลับของคุณในคืนนั้น
แต่ฮอร์โมนความรักทำให้เรารู้สึกดี
แล้วอะไรกันล่ะที่ทำให้เรากลับมาดูซีรีส์อีกรอบแล้วรอบเล่า
"เมื่อเรารู้สึกเชื่อมต่อกับตัวละคร ร่างกายเราอาจหลั่งฮอร์โมนออกซิโทซิน ซึ่งเป็นฮอร์โมนแห่งความรัก และจะสร้างความรู้สึกผูกพันกับตัวละครนั้นขึ้น"
ดร.ไรแอซบอกว่า ตอนนี้มีซีรีส์มากมายเหลือเกินจนอย่างน้อยต้องมีตัวละครสักตัวหนึ่งที่คุณรู้สึกเชื่อมโยงและพร้อมจะเผชิญชะตากรรมไปพร้อม ๆ กับเขาหรือเธอได้
อาจช่วยเรื่องความสัมพันธ์ส่วนตัว
นี่อาจจะฟังดูแปลก แต่ลองฟังดูก่อน
ยกตัวอย่างเช่น เลิฟ ไอส์แลนด์ (Love Island) รายการทีวีที่โด่งดังในสหราชอาณาจักร ที่ให้คนโสดหล่อสวยมาหา "คนที่ใช่" ขณะเล่นเกมผ่านบททดสอบต่าง ๆ
หลังจากรายการเริ่มออกฉายในปี 2019 มีคู่ครองในสหราชอาณาจักรเข้ารับการบำบัดด้านความสัมพันธ์เพิ่มถึง 41 เปอร์เซ็นต์
"หากเราหาเวลาดูซีรีส์จากต้นจนจบได้ ก็เท่ากับเราให้เวลาตัวเองเป็นหลายชั่วโมงในการขบคิดเรื่องอารมณ์และความสัมพันธ์ของตัวเราเอง"
คนดูหลายคนรู้สึกคล้อยตามไปกับรายการมาก โดยเฉพาะอย่างยิ่งเวลามีเรื่องน่าตกใจเกิดขึ้นกับตัวละครโปรดของเรา
"สมองของคนเราไม่แยกแยะระหว่างการกระตุ้นที่เกิดจากเรื่องจริง หรือจากเหตุการณ์สมมติ" ดร.ไรแอซอธิบาย
เราอยากจะมีส่วนร่วมในบทสนทนา
เหตุผลใหญ่อีกประการที่เรานั่งดูซีรีส์หลายตอนต่อ ๆ กันคือเพราะเราอยากจะมีส่วนร่วมในบทสนทนาของผู้คน บางคนดูซีรีส์บางเรื่องเป็นสิบ ๆ ชั่วโมงโดยที่ไม่ได้ชอบด้วยซ้ำ แต่ดูเพราะอยากคุยกับคนอื่นรู้เรื่อง
อย่ารู้สึกผิด
การเอาแต่ดูซีรีส์ทั้งวันให้ความหมายเป็นเชิงลบ ต่างกับการนั่งอ่านหนังสือทั้งวันที่ให้ความหมายในเชิงดี
"ผมพบว่าคนรู้สึกอายที่จะพูดว่าตัวเองดูทีวีเยอะแค่ไหน เรารู้สึกอายมากที่จะทำตัวไร้ประโยชน์และจะพูดว่า "วันนี้ฉันดูทีวีไปหกชั่วโมงเพื่อที่จะได้ไม่มองจอคอมพิวเตอร์เรื่องงาน ฉันแค่อยากจะหยุดพัก..."
แต่ความจริงคือ นักเขียนที่ดีเยี่ยมที่สุดในยุคนี้บางคนคือผู้เขียนบทซีรีส์ และสกอตต์ ไบรอัน คิดว่าเราไม่ควรต้องรู้สึกผิดเลยที่เอาแต่ดูซีรีส์
ดังนั้น หากคุณคิดจะเริ่มดูซีรีส์ เอาเลย ตามสบาย ขอให้สนุกสนานเป็นชั่วโมง ๆ หรือว่าจะทั้งวันก็ได้