รีเซต

บล.เมย์แบงก์ ไขข้อข้องใจ ทำไมชอบ TTB กว่า TCAP

บล.เมย์แบงก์ ไขข้อข้องใจ ทำไมชอบ TTB กว่า TCAP
ทันหุ้น
26 พฤษภาคม 2566 ( 15:39 )
63
บล.เมย์แบงก์ ไขข้อข้องใจ ทำไมชอบ TTB กว่า TCAP

บล.เมย์แบงก์ (ประเทศไทย) จำกัด (มหาชน) แนะนำ "ถือ TCAP ขณะที่เพิ่มราคาเป้าหมายเป็น 54 บาทจาก 45 บาท จากการเพิ่มประมาณการรายได้และสัดส่วนการถือหุ้นที่สูงขึ้นในบริษัทโฮลดิ้งและบริษัทย่อย แม้คาดว่ากำไรของ TCAP จะเติบโต 16% ในปีนี้และ 7% ในปีหน้า แต่เชื่อว่าราคาหุ้นได้ตอบรับปัจจัยแนวโน้มที่แข็งแกร่งไปแล้ว เนื่องจากราคาหุ้นได้ปรับตัวขึ้นแล้ว 30% และ Outperform ดัชนี SET Index ไปถึง 38% ในช่วง 12 เดือนที่ผ่านมา 

 

ทั้งนี้ ฝ่ายวิจัยชอบ TTB (ราคาปิด 1.55 บาท, ซื้อ, ราคาเป้าหมาย 1.70 บาท) มากกว่า TCAP เนื่องจาก TTB มีการเติบโตของกำไรที่แข็งแกร่งกว่า โดยหลังจากที่ TCAP เพิ่มสัดส่วนการถือหุ้นใน TTB จนถึงขีดจำ กัดแล้ว ตอนนี้คาดว่า TCAP จะใช้สภาพคล่องในการขยายสินเชื่อ Tplus และเพิ่มความเสี่ยงใน THANI

อัพกำไรสุทธิขึ้น 18-21% ในปี 66-67

 

ฝ่ายวิจัยปรับเพิ่มคาดการณ์กำไรขึ้น 18-21% หลังจากรวมปัจจัยปรับเพิ่มประมาณการกำไรของ TTB ในวันที่ 19 พ.ค.66 (TMBThanachart Bank) และสัดส่วนการถือหุ้นในบริษัทย่อยที่สูงขึ้นเข้าไปในโมเดลของฝ่ายวิจัย โดยคาดว่ากำไรของ TCAP จะเติบโต 16%/7% ในปี 66-67 ทั้งนี้ ใน Q1/66 กำไรของ TCAP เพิ่มขึ้น 52% YoY และ 45% QoQ แตะระดับ 1.58 พันล้านบาท (คิดเป็น 26% ของประมาณการกำไรปี 66 ของฝ่ายวิจัย) โดยมีปัจจัยหนุนหลักมาจากส่วนแบ่งกำไรที่เพิ่มขึ้นจากบริษัทร่วม 1.1 พันล้านบาท (+88% YoY และ 15% QoQ ) ทั้งนี้ คาดว่ากำไรจะเติบโตในอัตราที่ช้าลงในไตรมาส 2-3/66 จากผลของฐานที่สูง ขณะที่ ROE ของบริษัทคาดว่าจะสูงถึง 8.9-9.1% ในปี 66-67 จาก 7.9% ในปี 65

 

ราคาสะท้อนการเติบโตที่ดีในปัจจุบัน

 

การเติบโตของ TCAP ส่วนใหญ่ได้รับแรงหนุนจากการเปลี่ยนจากตั๋วเงินที่ให้ผลตอบแทนต่า ไปสู่การเพิ่มสัดส่วนการถือหุ้นในบริษัทย่อย อย่างไรก็ตามคาดว่ากลยุทธ์การเติบโตดังกล่าวน่าจะถึงจุดชะลอตัว เนื่องจากการเข้าถือหุ้นในบริษัทย่อยชนเพดานแล้ว ส่งผลให้อัพไซด์เริ่มจำกัด ทั้งนี้ TCAP ได้เปลี่ยนจากการลงทุนใน T-bills เป็นการลงทุนในบริษัทร่วม โดยใช้วงเงิน 8 พันล้านบาท ในการเพิ่มสัดส่วนการถือหุ้นใน TTB, ธนชาตประกันภัย (TNI, ไม่ได้จดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์) และหลักทรัพย์ธนชาต (TNS, ไม่ได้จดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์) เพื่อเพิ่ม ROE ระยะยาว โดยที่บริษัทเพิ่มสัดส่วนการถือหุ้นใน TTB จาก 23.30% ในไตรมาส 1/65 เป็น 24.95% ในไตรมาส 1/66 และยังเพิ่มสัดส่วนการถือหุ้นใน TNI และ TNS จาก 50.96% เป็น 89.96% ซึ่งสัดส่วนการถือหุ้นของ TCAP ใน TTB จะไม่เกิน 24.99% ซึ่งเป็นขีดจำกัดที่ธนาคารห่งประเทศไทยกำหนด

 

ทำไมถึงชอบ TTB มากกว่า TCAP

 

ฝ่ายวิจัยคาดการณ์กำไร 3 ปีของ TTB ที่ 15% CARG เทียบกับ TCAP ที่เติบโต 11% ในปี 65-68 หุ้นทั้งสองเทรดกันที่ PER ปี 66 ที่ 8.6 เท่า แต่ฝ่ายวิจัยคาดว่า ROE ของ TTB จะเพิ่มขึ้นในอัตราที่เร็วกว่า TCAP ขณะที่ TCAP ให้ผลตอบแทนจากเงินปันผลที่สูงกว่าในปี 66 แต่ผลตอบแทนของ TTB มีแนวโน้มสูงกว่า TCAP ในปี 67 จากอัตราการจ่ายที่สูงกว่า โดยสรุปแล้ว รายได้ของ TCAP ได้รับแรงหนุนหลักจากการเติบโตของกำไรสุทธิใน TTB ดังนั้น จึงแนะนำให้ลงทุนใน TTB โดยตรงมากกว่า TCAP เนื่องจาก Valuation Gap ค่อนข้างแคบ มองว่าผลประกอบการของ TTB น่าจะดีกว่า เนื่องจากบริษัทในเครือของ TCAP บางแห่งยังไม่กลับสู่ระดับก่อนเกิดโควิด

 

 

ข่าวที่เกี่ยวข้อง