ส่องธุรกิจส่งด่วน สงครามสงบ ทำไม "แฟลช" พลิกกำไร? l การตลาดเงินล้าน

สถานการณ์การแข่งขันในธุรกิจขนส่งพัสดุ (ส่งด่วน) คุณ ภาวุธ พงษ์วิทยภานุ ประธานเจ้าหน้าที่บริหารของ บริษัท เพย์ โซลูชั่น จำกัด ให้มุมมองว่า สงครามราคาในธุรกิจขนส่งพัสดุ เบาบางลงมาระยะหนึ่งแล้ว เนื่องจากผู้ประกอบการตระหนักได้ว่า หากยิ่งแข่งขันกันหนักกว่านี้ ก็จะยิ่งเจ็บตัวมากขึ้นไปอีก
ขณะเดียวกัน ก็ตระหนักว่า หากยังทำธุรกิจแบบเดิมของตัวเองต่อไป ภายใต้การแข่งขันที่รุนแรง ก็จะไม่สามารถอยู่ต่อไปได้ จึงต้องปรับตัว ขยายบริการใหม่ ๆ หรือช่องทางรายได้ใหม่ ๆ ที่คู่แข่งยังไม่มี เพื่อหวังทำกำไร
และจากรายงานผลประกอบการปี 2567 มีบริษัทที่พลิกมาทำกำไรแล้ว เช่น แฟลช เอ็กซ์เพรส เพราะที่ผ่านมา มีการขยายการบริการให้ครอบคลุมและรวดเร็ว และสามารถเข้าไปให้บริการในมาร์เก็ตเพลสได้มากขึ้น นอกจากนี้ แฟลช เอ็กซ์เพรส ยังมีการลงทุนด้านเทคโนโลยี ซึ่งทำให้ต้นทุนคงที่ และบริการได้ดีขึ้น รวมถึงการออกไปลงทุนในต่างประเทศ จึงทำให้ภาพรวมมีกำไร แต่ก็ยังมีอีกหลายรายที่ประสบกับปัญหาขาดทุนต่อเนื่องอยู่
ส่วนมาร์เก็ตเพลส ที่มีบริการขนส่งของตัวเองไม่ว่าจะเป็น ชอปปี้ และ ลาซาด้า พบว่าธุรกิจขนส่งของทั้งสองราย มีรายได้เป็นหลักกว่า 2 หมื่นล้านบาท และมีกำไรมาต่อเนื่องอยู่แล้ว
เทียบผลประกอบการของธุรกิจขนส่งพัสดุ เป็นตัวอย่าง
เริ่มที่ ไปรษณีย์ไทย ผลประกอบการย้อนหลัง 3 ปี พบว่าปี 2565 ขาดทุนสูงถึง 3,000 กว่าล้านบาท แต่พลิกมาทำกำไรได้ในปี 2566 ที่ 78 ล้านบาท ส่วนปีล่าสุด ยังไม่รายงานผลประกอบการออกมา แต่มีการเปิดเผยตัวเลขของไตรมาส 1 ปีนี้ (2568) ว่ามีกำไรสุทธิกว่า 500 ล้านบาท และมีอัตราการเติบโตถึงกว่า 227%
ส่วน แฟลช เอ็กซ์เพรส พลิกมาทำกำไรได้ในปีที่แล้วจำนวน 940 ล้านบาท หลังจากขาดทุนมาต่อเนื่อง โดยปี 2565 ขาดทุนไป 2,000 กว่าล้านบาท และปี 2566 ขาดทุนอีก 559 ล้านบาท เช่นเดียวกับ เจแอนด์ที เอ็กซ์เพรส ที่ปี 2566 ขาดทุนสูงถึง 7,000 กว่าล้านบาท และพลิกมาทำกำไรได้อีกครั้งเมื่อปีที่แล้ว (2567) ที่ 819 ล้านบาท
สำหรับ ลาซาด้า เอ็กซ์เพรส และ เอสพีเอ็กซ์ เอ็กซ์เพรส (หรือ ชอปปี้ เอ็กซ์เพรส) มีกำไรมาต่อตลอด 3 ปีย้อนหลังนี้ โดยและปี 2567 ที่ผ่านมา ลาซาด้า มีกำไร 1,700 ล้านบาท แต่ถ้าเทียบย้อนหลังไปถือว่าเป็นกำไรที่ลดลง ส่วน เอสพีเอ็กซ์ เอ็กซ์เพรส ปีล่าสุดทำกำไรเป็นจำนวนกว่า 460 ล้านบาท
ขณะที่ เคอีเอ็กซ์ เอ็กซ์เพรส ตัวเลขที่รายงานต่อตลาดหลักทรัพย์ยังคงขาดทุนหนักต่อเนื่อง และปีล่าสุด ขาดทุนไป 5,900 ล้านบาทหรือเกือบ 6,000 ล้านบาททีเดียว
คุณ ภาวุธ กล่าวอีกว่า จำนวนผู้เล่นในธุรกิจนี้ก็ลดลงไป และมีแนวโน้มว่าอาจจะลดลงไปอีก รวมถึงอาจจะมีรายใหญ่จากต่างประเทศเข้ามาซื้อกิจการขนส่งพัสดุในไทย เนื่องจากธุรกิจขนส่งถือเป็นเกมระดับโลก และหากต้องการเข้ามาขยายในไทยแล้วทางลัดหนึ่งที่ทำให้เข้ามาได้อย่างรวดเร็ว ก็คือการเข้ามาซื้อกิจการที่มีอยู่แล้ว อย่างไรก็ดี มองว่าธุรกิจขนส่งยังมีโอกาสเติบโตได้อีกมาก
Tag
ยอดนิยมในตอนนี้
