ญี่ปุ่นอาจกลับไปล็อกดาวน์ หลังพบโควิดกลายพันธุ์ หวั่นระบาดรอบใหม่

วันนี้ (5 เม.ย.64) สถานีโทรทัศน์เอ็นเอชเคของญี่ปุ่นรายงานว่าประชาชน 14 คน ที่ตรวจพบโควิด-19 จากโรงพยาบาลมหาวิทยาลัยทันตแพทย์โตเกียวเมื่อเดือนก่อน เป็นเชื้อโควิดกลายพันธุ์สายพันธุ์ E484K จำนวน 10 คน ที่น่าเป็นกังวลคือ ช่วงระหว่างเดือน ก.พ. - มี.ค.ผู้ป่วยโควิด 12 คน จาก 36 คนติดโควิดสายพันธุ์นี้ โดยที่ไม่มีใครเดินทางไปต่างประเทศหรือติดต่อกับคนที่เพิ่งไปต่างประเทศเลยแม้แต่คนเดียว 

สำหรับไวรัสโควิดกลายพันธุ์สายพันธุ์ E484K นั้น เป็นโควิด-19 สายตระกูลบราซิล (P.1) มีการกลายพันธุ์ของโปรตีน Spike ในตำแหน่ง N501Y ช่วยไวรัสแพร่ระบาดได้อย่างรวดเร็ว  ความร้ายการของไวรัสสายพันธุ์นี้ E484K ช่วยไวรัสหลบเลี่ยงระบบภูมิคุ้มกันของร่างกาย หรือวัคซีน 

ขณะนี้ กรุงโตเกียว สถานการณ์การระบาดน่ากังวล โดยพบผู้ติดเชื้อรายวันเกิน 300 ไปถึง 400 กว่าคน ช่วงวัยที่พบผู้ติดเชื้อมากที่สุดคือ อายุ 20 ปีขึ้นไป มีผู้ติดเชื้อกว่า 100 คนต่อวัน นอกจากนี้ ข้อมูลจากกระทรวงสาธารณสุขของญี่ปุ่น รายงานว่าที่เมืองโอซากา วันเดียวผู้ติดเชื้อ พุ่งถึง 666 ราย ยิ่งเพิ่มการกังวลถึงการกลับมาระบาดของไวรัสรอบนี้ เพราะเกือบทุกจังหวัดในประเทศญี่ปุ่นพบผู้ติดเชื้อโควิด-19 เพิ่มมากขึ้น

ด้าน ผู้เชี่ยวชาญด้านสาธารณสุขกังวลมากเรื่องการแพร่ระบาดของโควิดกลายพันธุ์ ซึ่งตอนนี้ญี่ปุ่นยังไม่เริ่มฉีดวัคซีนให้กับประชาชนทั่วไป จากตามแผนฉีดวัคซีนเมื่อ 24 ก.พ.64 นั้น ระบุว่า ญี่ปุ่นจะเริ่มฉีดวัคซีนโควิด-19 ให้ผู้มีอายุมากกว่า 65 ปี ซึ่งมีจำนวนประมาณ 36 ล้านคน ใน 12 เม.ย.64 โดยจะเริ่มทดลองฉีดวัคซีนในกลุ่มย่อยก่อนจะเพิ่มจำนวนการฉีดใน 26 เม.ย.64

ทั้งนี้ ญี่ปุ่นเริ่มฉีดวัคซีนโควิด-19 เมื่อ 17 ก.พ.64 ด้วยการฉีดวัคซีนของบริษัท Pfizer - BioNTech ให้บุคลากรทางการแพทย์ 40,000 คน และญี่ปุ่นมีแผนฉีดวัคซีนให้บุคลากรด้านสาธารณสุขอีก 3.7 ล้านคนใน มี.ค.64 ตามด้วยการฉีดวัคซีนให้ผู้สูงอายุ ผู้มีโรคประจำตัว อาทิ เบาหวาน ผู้ทำงานในสถานดูแลคนชรา และประชากรทั่วไปตามลำดับ