KWM ครึ่งหลังเกษตรบูม ขายสินค้านวัตกรรม 60 ล.

KWM ชี้ทิศทางธุรกิจครึ่งปีหลังไฮซีซันเกษตรหนุน เล็งขายสินค้านวัตกรรม 60 ล้านบาท พร้อมสยายปีกต่างแดน บิ๊กบอส “เอกพันธ์ วนโกสุม” สั่งจับตาโรงงานสกัดสารสมุนไพร คาดชัดเจนเรื่องใบอนุญาตเร็วๆ นี้ ชูธงรายได้โต 15% แถมต้นทุนเหล็กลด หนุนมาร์จิ้นฟู
นายเอกพันธ์ วนโกสุม ประธานกรรมการบริหาร บริษัท เค.ดับบลิว.เม็ททัล เวิร์ค จำกัด (มหาชน) หรือ KWM เปิดเผยว่า ทิศทางธุรกิจครึ่งปีหลัง 2566 คาดจะดีกว่าครึ่งปีแรก เพราะเป็นไฮซีซันธุรกิจเกษตร โดยช่วง 1-2 เดือนข้างจะเป็นช่วงทำการเกษตรมากที่สุดในรอบปี ขณะที่ทิศทางการจำหน่ายอุปกรณ์ทางการเกษตรที่ไม่ได้ขายในกลุ่มคูโบต้ามีอัตราการเติบโตสูง เพราะบริษัทพัฒนาสินค้านวัตกรรม และปล่อยสินค้าลงสู่ตลาด ซึ่งเป็นสินค้าใบผลาญชนิดพิเศษ ที่สามารถตัด กลบ หญ้าได้โดยอัตโนมัติ และไม่จำเป็นต้องเผาหญ้าเพื่อทำลาย
** โกยยอด 60 ล.
บริษัทตั้งเป้ายอดขายสินค้านวัตกรรมปีนี้ที่ 60 ล้านบาท อีกทั้งสินค้าดังกล่าวมีอัตรากำไรขั้นต้น (มาร์จิ้น) สูง ที่ 40% คาดจะสนับสนุนมาร์จิ้นครึ่งปีหลัง 2566 ให้กลับมาเพิ่มขึ้นจากครึ่งปีแรก ประกอบกับต้นทุนเหล็กที่ราคาสูง ปัจจุบันมีแนวโน้มทรงตัว หลังปรับตัวลดลงแล้ว และคาดจะทำให้ต้นทุนผลิตในครึ่งปีหลัง 2566 ดีกว่าครึ่งปีแรก และทิศทางการขยายตัวมาร์จิ้นมีโอกาสจะดีกว่าที่ผ่านมา
นอกจากนี้บริษัทมีแผนขยายตลาดสินค้านวัตกรรมไปต่างประเทศ โดยมีการขายให้ลูกค้าไปยังประเทศสปป.ลาว เมียนมาแล้ว เบื้องต้นคาดยอดขายรวมในปีนี้จะอยู่ที่ 20 ล้านบาท
ขณะที่กฎหมายการควบคุมกัญชง-กัญชา บริษัทไม่มีความกังวลในธุรกิจดังกล่าว เนื่องจากบริษัทประกอบธุรกิจให้บริการสกัดสาร อีกทั้งกฎหมายที่ออกมาควบคุมกัญชา จะทำให้ผู้บริโภค หรือผู้ประกอบการรายอื่นมีความรู้ รวมถึงการใช้สารสกัดจากกัญชาให้ถูกต้อง ขณะเดียวกันคาดการควบคุมดังกล่าวจะสนับสนุนให้ผู้ประกอบการเครื่องดื่ม เครื่องสำอาง หันมาใช้กัญชง หรือสารสกัด CBD มากขึ้น
** รายใหญ่จ้อง
ทั้งนี้จะส่งผลดีต่อบริษัทโดยรวมของ KWM เพราะบริษัทย่อย บริษัท แล็บแอคทีฟ จำกัด (LABACTIVE) ดำเนินธุรกิจสกัดสาร ซึ่งบริษัทได้ลงทุนเครื่องวัดปริมาตรสารสกัด เพื่อให้ได้มาตรฐาน และกรอบการควบคุมสารสกัด
ส่วนการขอใบอนุญาตจากสำนักงานคณะกรรมการอาหารและยา (อย.) โรงงานสกัดสารสมุนไพร คาดจะจบใน 3-4 เดือนข้างหน้า หลังจากนั้นบริษัทจะเซ็นสัญญากับผู้ประกอบการรายใหญ่เพื่อเป็นตัวแทนขายสารสกัดสมุนไพรให้กับบริษัท
นายเอกพันธ์ กล่าวต่อว่า บริษัทคาดรายได้รวมปีนี้จะเติบโตได้ 15% จากการจำหน่ายสินค้าทางเกษตร ทั้งกลุ่มคูโบต้า และนอกคูโบต้า อนึ่งรายได้ไตรมาส 1/2566 บริษัทมีรายได้ที่ 167.67 ล้านบาท ลดลง 7.70 ล้านบาท จากช่วงเดียวกันกับปีก่อนที่ 175.37 ล้านบาท หรือลดลง 4.39% ส่วนกำไรสุทธิไตรมาส 1/2566 อยู่ที่ 10.98 ล้านบาท ลดลง 4.89 ล้านบาท จากช่วงเดียวกันกับปีก่อน 15.87 ล้านบาท หรือลดลง 30.81% โดยผลประกอบการที่ลดลง เป็นผลมาจากกลุ่มสินค้าใบผาลและใบเกลียวมียอดขายลดลง โดยใบผาลลดลงเพราะบริษัทปรับราคาขาย ส่วนปริมาณใบเกลียวมีการปรับลดลงเช่นเดียวกัน