SABUYลุยธุรกิจประกัน มั่นใจปีนี้จบ10ดีลยักษ์

ทันหุ้น – เกาะติด SABUYล่าสุดประกาศ ผนึกพาร์ทเนอร์รายใหญ่  รุกธุรกิจนายหน้าประกันภัย พร้อมปล่อยสินเชื่อหมุนเวียนธุรกิจ ผู้บริหาร “ชูเกียรติ รุจนพรพจี” วางเกมปีนี้ปิดดีลครบ 10 ดีลตามแผน เผยกำไรโค้งแรกโต 14.55% ไม่หวั่นแม้ประเทศเจอภาวะโควิด สั่งรัดเข็มขัด กดต้นทุนลดฮวบ มั่นใจผลงานมาตามนัดโต 25%

นายชูเกียรติ รุจนพรพจี ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท สบาย เทคโนโลยี จำกัด (มหาชน) หรือ SABUY ผู้ดำเนินธุรกิจด้านระบบชำระเงิน และ ตู้จำหน่ายสินค้าอัตโนมัติ ตู้เติมเงิน เปิดเผยว่า ผลประกอบการไตรมาส 1/2564 บริษัทมีกำไรสุทธิ 33.68 ล้านบาท โดยมีกำไรเพิ่มขึ้น 4.28 ล้านบาท หรือคิดเป็นการเติบโต 14.55% เมื่อเทียบกับไตรมาส 1/2563 ที่ 29.40 ล้านบาท ทั้งนี้กำไรสุทธิปรับตัวเพิ่มขึ้นสอดคล้องกับกำไรขั้นต้นที่ปรับตัวเพิ่มขึ้นสูง ประกอบกับบริษัทบริหารจัดการต้นทุนในส่วนค่าใช้จ่ายในการบริหาร ทำให้บริษัทสร้างผลประกอบการดี

ขณะที่รายได้ไตรมาส 1/2564 อยู่ที่ 373.78 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 3.69 ล้านบาท หรือคิดเป็นการเติบโต 1% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันกับปีก่อน 370.09 ล้านบาท แม้บริษัทจะได้รับกระทบจากวิกฤตการแพร่ระบาดโควิด-19 ที่ส่งผลให้รายได้จำหน่ายผลิตภัณฑ์เครื่องดื่มที่ชะลอตัว จากอุปสรรคในการเข้าเติมสินค้าในพื้นที่ เช่น ห้างสรรพสินค้า และโรงงานอุตสาหกรรมที่ปิดให้บริการ

ผนึกรายใหญ่ลุยขายประกัน

ขณะเดียวกันบริษัทยังเดินหน้าจัดตั้งบริษัทย่อยแห่งใหม่ซื้อ บริษัท สบาย แคปปิตอล พลัส จำกัด เพื่อดำเนินธุรกิจให้บริการสินเชื่อหมุนเวียนธุรกิจ สินเชื่อส่วนบุคคลมีหลักประกันและไม่มีหลักประกัน ผ่าน Ecosystem ของบริษัทรวมถึงพันธมิตร อีกทั้งบริษัทได้จัดตั้งบริษัท สบาย แมกซี่ จำกัด โดยถือหุ้น 50% คิดเป็นมูลค่าเงินลงทุน 5 ล้านบาท โดยเข้าร่วมลงทุนกับพันธมิตรชื่อ บริษัท ฮาวเด้น แมกซี่ อินชัวรันส์ โบรกเกอร์ จำกัด และบริษัท มิลเลนเนียม กรุ๊ป คอร์ปเปเรชั่น จำกัด เพื่อดำเนินธุรกิจบริหารธุรกิจนายหน้าประกันภัย (Broker Insurance) และให้บริการผลิตภัณฑ์ บริการทางด้านการประกันผ่าน Ecosystem ของกลุ่มบริษัท ทั้งนี้บริษัทตั้งเป้าจะมีกลุ่มผู้ใช้บริการเพิ่มขึ้นแตะ 50 ล้านบัญชีภายในสิ้นปี 2564

“เราผนึกพาร์ตเนอร์ต่างชาติที่เป็นรายใหญ่ เพื่อร่วมทำธุรกิจโบรกเกอร์ประกันภัย ซึ่งจะเริ่มลงมือขอไลเซนส์ในเดือนหน้า เบื้องต้นคาดกระบวนการจะแล้วเสร็จประมาณ 4-5 เดือนข้างหน้า หากได้ไลเซนส์มา เราจะเริ่มดำเนินธุรกิจทันที คาดจะเห็นการขายประกันภายในปีนี้ ส่วนจะมีรายได้เท่าไร ยังไม่สามารถประเมินได้ เพราะปีแรกที่เราเริ่มทำธุรกิจใหม่” นายชูเกียรติ กล่าว

จับตาครึ่งหลังผลงานเด่น

สำหรับแนวโน้มธุรกิจ และผลประกอบการครึ่งปีแรกปี 2564 จะดีกว่าช่วงเดียวกันปีก่อน เนื่องจากบริษัทร่วมมือกับพาร์ทเนอร์เพิ่มขึ้นถึง 8 ดีล ส่วนช่วงที่เหลือต่อจากนี้ บริษัทจะเดินหน้าทำดีลให้ครบ 10 ดีลตามแผน และคาดจะเริ่มดำเนินธุรกิจตั้งแต่ครึ่งปีหลังปี 2564 เป็นต้นไป หากเป็นไปตามแผนคาดผลประกอบการครึ่งปีหลังปี 2564 จะเติบโตชัดเจนมากกว่าครึ่งปีแรก

พร้อมกันนี้บริษัทมั่นใจรายได้ปี 2564 จะเติบโตได้ตามเป้าหมาย 25% ยังไม่รวมกับการร่วมมือกับพาร์ตเนอร์จำนวน 10 ดีล โดยอัตราการเติบโตที่ตั้งเป้าจะมาจากธุรกิจปกติ โดยบริษัทตั้งเป้าขยายตู้เติมเงินแตะ 5.8-5.9 หมื่นตู้ จากปี 2563 อยู่ที่ 5.5 หมื่นตู้ และตั้งเป้าขยายตู้เวนดิ้งพลัสแตะ 1.2 หมื่นตู้ จากปี 2563 อยู่ที่ 5.8 พันตู้ ขณะเดียวกันการขยายตู้เวนดิ้งพลัส บริษัทอาจจะใช้กลยุทธ์การควบรวมกิจการ หรือ M&A เพื่อผลักดันให้ได้ตู้ตามเป้าหมาย และทำให้ต้นทุนต่ำลง อนึ่ง ปี 2563 บริษัทมีรายได้อยู่ที่ 1.54 พันล้านบาท และมีกำไรสุทธิ 102.06 ล้านบาท