รีเซต

อนาคตหุ้นไทยบน 3 ทางเลือกการเมือง แนะจับตาจังหวะเข้าซื้อช่วงเดือนสิงหาฯ"

อนาคตหุ้นไทยบน 3 ทางเลือกการเมือง แนะจับตาจังหวะเข้าซื้อช่วงเดือนสิงหาฯ"
TNN ช่อง16
30 มิถุนายน 2568 ( 15:17 )
12

นักวิเคราะห์ มองทิศทางตลาดหุ้นไทยครึ่งปีหลังยังคาดเดายาก ชี้ทุกอย่างขึ้นอยู่กับ "การเปลี่ยนแปลงทางการเมือง" ที่อาจเกิดขึ้นได้ 3 รูปแบบ (ยุบสภา-รัฐประหาร-ลาออก) แนะกลยุทธ์ที่ดีที่สุดคือ "รอ" ดูสถานการณ์ในอีก 2 เดือนข้างหน้า (ก.ค.-ส.ค.) ให้จับตา 2 ปัจจัยสำคัญ คือ การผ่านร่างงบประมาณปี 69 และผลการเจรจาภาษีกับสหรัฐฯ ที่อาจฉุด SET หลุด 1,000 จุดได้

คุณประกิต สิริวัฒนเกตุ กรรมการผู้จัดการ บลจ.เมอร์ชั่นพาร์ทเนอร์ จำกัดให้สัมภาษณ์ในรายการ WEALTH LIVE ถึงมุมมองการลงทุนในช่วงครึ่งหลังของปี 2568 ว่า เป็นช่วงที่คาดการณ์ได้ยากมาก แต่เชื่อว่าจะเกิดการเปลี่ยนแปลงทางการเมืองครั้งสำคัญ ซึ่งจะเป็นตัวกำหนดทิศทางของตลาดและเศรษฐกิจ

การเมือง กำหนดทิศทางหุ้นไทย

คุณประกิตได้วิเคราะห์ความเป็นไปได้ของสถานการณ์การเมืองออกเป็น 3 เรื่องหลัก ดังนี้

  1. ลาออก: มีความเป็นไปได้น้อยที่สุด เพราะเปรียบเสมือนการยอมแพ้ทางการเมืองและสูญเสียอำนาจถาวร

  2. ยุบสภา: เป็นฉากทัศน์ที่มีความเป็นไปได้สูง แต่แบ่งเป็น 2 กรณี

    • กรณีเลวร้ายที่สุด (ยุบสภาก่อนงบประมาณปี 69 ผ่าน): หากเกิดการยุบสภาก่อนเดือนสิงหาคม จะทำให้งบประมาณปี 2569 ต้องล่าช้าออกไป เกิดสุญญากาศทางการคลังนานเกือบ 10 เดือน ฉุด GDP ปีนี้ให้โตต่ำกว่า 1% และส่งผลกระทบต่อเนื่องถึงปีหน้า ตลาดหุ้นจะปรับตัวลงอย่างรุนแรง

    • กรณีดีที่สุด (ยุบสภาหลังงบประมาณปี 69 ผ่าน): หากรัฐบาลยื้อเวลาจนงบประมาณผ่านสภาในช่วงเดือนสิงหาคม-กันยายนได้สำเร็จ แล้วจึงประกาศยุบสภา จะเป็นผลดีต่อตลาดทุน และมีโอกาสที่ตลาดหุ้นจะปรับตัวขึ้นได้ในช่วงปลายปี

  3. รัฐประหาร: อาจเกิดขึ้นหากสถานการณ์การเมืองร้อนแรงจากการชุมนุมที่ยกระดับขึ้น แม้งบประมาณจะผ่านไปแล้วก็ตาม ในกรณีนี้ "ตลาดหุ้นจะปรับตัวลงหนักก่อนเกิดเหตุการณ์" แต่หลังจากเกิดรัฐประหารแล้วอาจจะหยุดลงหรือฟื้นตัวขึ้นได้ เพราะถือว่าความเสี่ยงสิ้นสุดลงแล้ว

กลยุทธ์ลงทุน: "รอ" คือคำตอบที่ดีที่สุด

จากความไม่แน่นอนดังกล่าว คุณประกิตแนะนำกลยุทธ์การลงทุนที่ชัดเจนสำหรับ 2 เดือนข้างหน้า (กรกฎาคม-สิงหาคม) ว่า "ควรรอดูสถานการณ์ไปก่อน (Wait and See)" เพื่อประเมินว่าทิศทางการเมืองจะออกมาในรูปแบบใด

ความเสี่ยงใหม่: ภาษีสหรัฐฯ อาจฉุด SET หลุด 1,000 จุด

นอกเหนือจากปัจจัยการเมืองในประเทศ คุณประกิตยังเตือนถึงความเสี่ยงภายนอกที่สำคัญและใกล้เข้ามา คือ การเจรจาภาษีศุลกากรกับสหรัฐฯ ซึ่งคาดว่าจะทราบผลในอีกไม่เกิน 10 วันข้างหน้า โดยมีแนวโน้มว่าไทยอาจไม่ได้อัตราภาษีที่ดี และอาจถูกเสนออัตราที่ 15-18%

"หากข่าวนี้ออกมาเป็นจริง จะส่งผลกระทบอย่างรุนแรงต่อภาคการส่งออกและเศรษฐกิจโดยรวม และมีความเป็นไปได้สูงที่ SET Index จะปรับตัว หลุดระดับ 1,000 จุด"

หุ้นเด่นน่าจับตา...เมื่อถึงเวลาที่เหมาะสม

เมื่อสถานการณ์คลี่คลายและถึงจังหวะที่เหมาะสม คุณประกิตแนะนำกลุ่มหุ้นที่น่าสนใจ ดังนี้

  • กลุ่มปลอดภัย (Safe Haven): หุ้นกลุ่มสื่อสาร (ADVANC) และโรงไฟฟ้า (GULF)

  • กลุ่มพลังงาน: PTT, PTTEP, BCP เพื่อลุ้นราคาน้ำมันฟื้นตัว

  • กลุ่มค้าปลีก (CPALL, CPAXT): เป็นกลุ่มที่น่าสนใจมาก แต่ "ควรเข้าซื้อในช่วงเดือนสิงหาคม" เพื่อรอรับนโยบายกระตุ้นเศรษฐกิจจากรัฐบาลใหม่ ไม่ควรเข้าซื้อตอนนี้เนื่องจากผลประกอบการไตรมาส 2/68 จะเข้าสู่ช่วง Low Season

ฟันด์โฟลว์ยังไม่มา-แนะมองหาโอกาสใน "หุ้นยุโรป"

คุณประกิตมองว่ากระแสเงินทุนจากต่างชาติ (Fund Flow) ยังไม่มีวี่แววจะกลับเข้ามาในเร็วๆ นี้ เนื่องจากตลาดหุ้นไทยอยู่นอกสายตา (Out of Radar) โดยมีน้ำหนักการลงทุนใน MSCI EM ต่ำเป็นประวัติการณ์ ขณะที่กองทุน Thai ESG ก็ไม่ประสบความสำเร็จในการดึงดูดเม็ดเงินใหม่

ยอดนิยมในตอนนี้

แท็กยอดนิยม

ข่าวที่เกี่ยวข้อง