พลิกโฉมสินค้าเกษตร อีอีซี ทำ 5 คลัสเตอร์เพิ่มรายได้
วันนี้ (11 มิ.ย.63) ที่กระทรวงการคลัง นายอุตตม สาวนายน รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง เป็นประธานการประชุมคณะอนุกรรมการบริหารการพัฒนาเขตพัฒนาพิเศษภาคตะวันออก (กบอ.) ครั้งที่ 3/2563 โดยที่ประชุมได้รับทราบและพิจารณาความก้าวหน้าการดำเนินงานในเขตพัฒนาพิเศษภาคตะวันออก (อีอีซี) 4 เรื่องหลัก ได้แก่ เรื่องแรก การบริหารจัดการน้ำในพื้นที่ อีอีซี โดยที่ประชุม กบอ. รับทราบ การดำเนินการช่วงสถานการณ์ภัยแล้งที่ผ่านมา ซึ่งสำนักงานทรัพยากรน้ำแห่งชาติ (สทนช.) กรมชลประทาน สำนักงานคณะกรรมการนโดยบายเขตพัฒนาพิเศษภาคตะวันออก หรือ สกพอ. หน่วยงานที่เกี่ยวข้อง และภาคเอกชน ได้ร่วมกันรองรับด้วยมาตรการเร่งด่วน 8 โครงการ ร่วมกับ 4 มาตรการเสริม อาทิ เติมน้ำให้อ่างเก็บน้ำหนองปลาไหล จังหวัดระยอง และขอความร่วมมือลดใช้น้ำจากทุกภาคส่วนในพื้นที่ 10% ซึ่งช่วยให้พื้นที่อีอีซี ผ่านพ้นวิกฤตภัยแล้งได้ด้วยดี ส่วนแนวนโยบายต่อไป พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรี ได้มอบนโยบาย เพื่อให้เกิดความมั่นคงด้านน้ำ และรองรับภัยแล้งในปีต่อๆ ไป ได้แก่ วางแผนและบริหารจัดการน้ำให้เพียงพอในฤดูแล้งหน้า ปี 2563/2564 เพิ่มความจุอ่างเก็บน้ำ และสูบกลับน้ำเพื่อเก็บน้ำให้มากที่สุด
เรื่องที่สอง เป็นการรับทราบความคืบหน้า โครงการจัดหาพลังงานสะอาด (พลังงานแสงอาทิตย์) ในพื้นที่ อีอีซี โดยให้การไฟฟ้าส่วนภูมิภาค (กฟภ.) เสนอโครงการพลังงานที่ใช้ในเมืองใหม่ รูปแบบพลังงานอัจฉริยะ ในลักษณะการผลิตไฟฟ้าเพื่อใช้เอง ซึ่งมอบหมายให้ บริษัท พีอีเอ เอ็นคอม อินเตอร์เนชั่นแนล จำกัด ผลิตไฟฟ้าเพื่อส่งให้ กฟภ. รับซื้อ และส่งจำหน่ายสำหรับใช้ในเมืองใหม่น่าอยู่อัจฉริยะ ส่วนอัตราค่าไฟฟ้าที่จะใช้ในเมืองใหม่น่าอยู่อัจฉริยะ จะไม่สูงกว่าราคาไฟฟ้าทั่วไปที่
เรื่องที่สาม การจัดทำแผนพัฒนาการเกษตรในพื้นที่ อีอีซี โดยที่ประชุม กบอ. รับทราบ การจัดทำแผนพัฒนาการเกษตรในพื้นที่ อีอีซี ส่วนแนวทางการพัฒนาภาคเกษตรในพื้นที่อีอีซี ได้แก่ ใช้ความต้องการนำการผลิต, ยกระดับการตลาด-การแปรรูป-การเกษตร ด้วยเทคโนโลยีในทุกขั้นตอน, และให้ความสำคัญกับ 5 คลัสเตอร์ ที่มีพื้นฐาน ทำได้ทันที ได้แก่ ผลไม้, พืช Bio-Based, ประมง, สมุนไพร, พืชมูลค่าสูง เช่น ไม้ประดับ/ผักปลอดสารพิษ ทั้งนี้ ได้แต่งตั้งคณะทำงานจัดทำแผนพัฒนาการเกษตรในพื้นที่ อีอีซี ที่มี ปลัดกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ เป็นประธาน และมีผู้แทนจาก สกพอ. เป็นเลขานุการร่วม
เรื่องที่สุดท้าย แนวทางผ่อนปรนการเดินทางเข้าประเทศที่เกี่ยวข้องกับอุตสาหกรรมในพื้นที่ อีอีซี ตามที่กลุ่มบุคลากรภาคธุรกิจในพื้นที่ อีอีซี ได้ยื่นหนังสือถึงภาครัฐ ขอให้ผ่อนคลายการเดินทางเข้าประเทศ เพื่อวัตถุประสงค์ทางธุรกิจ รวมถึงการส่งช่างเทคนิค เข้ามาตรวจสอบซ่อมบำรุงเครื่องจักรในอุตสาหกรรม และเพื่อสนับสนุนการลงทุนในพื้นที่ต่อเนื่อง ทาง สกพอ. จึงมีแนวทางผ่อนปรนการเดินทางเข้าประเทศ ซึ่งขณะนี้อยู่ระหว่างหารือกับกระทรวงการต่างประเทศ สร้างภาคีเครือข่ายระหว่างองค์กร บุคลากรทางการแพทย์ในประเทศต้นทางกับสถานเอกอัครราชทูตไทย หรือสถานกงสุลใหญ่ จัดให้มีการตรวจและออกใบรับรองแพทย์ ที่ยืนยันว่าผู้เดินทางมีสุขภาพเหมาะสมกับการเดินทางทางอากาศ (Fit to Fly) รวมทั้งหารือกับกระทรวงสาธารณสุข พิจารณากำหนดประเทศต้นทาง และจำนวนบุคลากรที่จะอนุญาตให้เดินทางเข้าประเทศในแต่ละช่วงเวลา การกำหนดมาตรการกักกัน Flexible Alternative Quarantine ให้ผู้เดินทางเข้าประเทศสามารถทำภารกิจที่จำเป็นได้ และร่วมกันพิจารณาขึ้นทะเบียน สถานกักตัวทางเลือก Alternative State Quarantine เพิ่มเติมในพื้นที่ อีอีซี ที่บุคลากรในโรงพยาบาลเอกชนสามารถสื่อสารภาษากับประเทศต้นทางได้ เพื่ออำนวยความสะดวกยิ่งขึ้น
เกาะติดข่าวที่นี่
website: www.TNNThailand.com
facebook : TNNThailand
facebook live : TNN Live
twitter : @TNNThailand
Line : @TNNONLINE
Youtube Official : TNNThailand
Instagram : @tnn_online