รีเซต

TISAเปิดช่องหุ้นนอก หวั่นเงินเข้าSETน้อย

TISAเปิดช่องหุ้นนอก หวั่นเงินเข้าSETน้อย
ทันหุ้น
9 ธันวาคม 2568 ( 08:45 )
80

#TISA #ทันหุ้น - ครม.เศรษฐกิจ ไฟเขียว TISA ลดหย่อนภาษี 8 แสนบาท เริ่ม 1 กรกฎาคม 2569 ชงเข้าครม.วันนี้  ด้านนักวิเคราะห์มองเป็นโครงการที่ดีในระยะยาว แต่ไม่ว้าวระยะสั้น เหตุ “วงเงินรวมเท่าเดิม-ไม่จูงใจผู้มีรายได้สูง เหตุได้สิทธิลดหย่อน” มองหุ้นได้รับอานิสงส์หุ้นขนาดกลาง-เล็ก  แต่อาจหนุนตลาดหุ้นไทยน้อย เหตุเปิดลงทุนต่างประเทศได้ แนะเพิ่มสิทธิประโยชน์

นายเอกนิติ  นิติทัณฑ์ประภาศ รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลังเปิดเผยว่า คณะรัฐมนตรีเศรษฐกิจอนุมัติ โครงการบัญชีการออมการลงทุนส่วนบุคคล (Thailand Individual Savings Account) หรือ TISA

เป็นการส่งเสริมการออมและการลงทุนแบบระยะยาวเพื่อยกระดับระบบการออมของประเทศ รองรับโครงสร้างประชากรที่กำลังก้าวเข้าสู่สังคมผู้สูงอายุเต็มรูปแบบในอีกไม่กี่ปีข้างหน้า

@จูงใจถือยาว

โดย TISA จะเป็นการปรับโครงสร้างแรงจูงใจด้านภาษีครั้งใหญ่ ทั้งเพิ่มเพดานลดหย่อนการออมและยกเว้นภาษีเพื่อดึงเงินออมเข้าสู่ตลาดทุนมากขึ้น โดยมาตรการนี้ จะกำหนดค่าลดหย่อนในการลงทุนรวม ที่ไม่เกิน  8 แสนบาทต่อปี และจะยกเว้นภาษีเงินได้หัก ณ ที่จ่าย สำหรับเงินลงทุน 200,000 บาทแรก แต่ต้องถือครองสินทรัพย์เกิน 5 ปี

นอกจากนี้ รัฐบาลยังจะมี โครงการออม plus เพื่อให้ประชาชนเข้าถึงการลงทุนที่มั่นคงผ่านพันธบัตรรัฐบาล  ลงทุนขั้นต่ำ 1,000 บาท ตามราคาตลาด  โครงการนี้จะช่วยให้ผู้มีรายได้น้อยหรือปานกลางสามารถเริ่มออมที่มั่นคงได้ง่ายขึ้น ขณะเดียวกันนอกจากนี้รัฐบาลจะสนับสนุนให้ประชาชนทำประกันชีวิตและประกันวินาศภัย เพื่อให้คนซื้อประกันความเสี่ยงมากขึ้น โดยให้มาตรการภาษีจูงใจ

@ลงทุนหุ้นนอกได้

แหล่งข่าวจากกรมสรรพากร กล่าวว่า TISA จะขยายขอบเขตเครื่องมือการลงทุนให้มีความยืดหยุ่นมากขึ้น เช่น ตราสารหนี้ ตราสารทุน และการลงทุนในหลักทรัพย์ต่างประเทศ รวมถึง การยกเลิกการกำหนดอายุโครงการ เพื่อลดการบิดเบือนของตลาด และให้ผู้มีเงินได้สามารถบริหารจัดการความเสี่ยงได้อย่างเหมาะสม กลุ่มเป้าหมายคือผู้มีเงินได้ที่ต้องการออมระยะยาวเพื่อการเกษียณ รวมถึงผู้ประกอบธุรกิจและผู้ให้บริการด้านตลาดทุนที่เกี่ยวข้อง มาตรการนี้ถูกออกแบบมาเพื่อเน้นการออมของคนชนชั้นกลาง ที่อยู่ในระบบภาษี และให้ความสำคัญกับการไม่ให้เงินลงทุนลดลง”

โดยความแตกต่างที่สำคัญของ TISA เมื่อเทียบกับมาตรการส่งเสริมการออมระยะยาวในอดีต (เช่น LTF) คือ TISA จะไม่กำหนดอายุโครงการ ระยะเวลาดำเนินการตามมาตรการนี้จะเริ่มต้นตั้งแต่วันที่ 1 กรกฎาคม 2569 เป็นต้นไป เนื่องจากโครงการมีลักษณะยาวตลอดไป จึงช่วยให้ผู้ลงทุนไม่กังวลว่าโครงการจะหมดอายุ และป้องกันไม่ให้เกิดปรากฏการณ์ที่ผู้คนเร่งเทขายหน่วยลงทุนเมื่อใกล้สิ้นสุดอายุโครงการ ซึ่งจะช่วยลดการบิดเบือนของตลาดได้

@ไม่ปังระยะสั้น

นายกิจพณ ไพรไพศาลกิจ รองกรรมการผู้จัดการ นักกลยุทธ์ บริษัทหลักทรัพย์ ยูโอบี เคย์เฮียน (ประเทศไทย)  จำกัด  (มหาชน) กล่าวกับ “ทันหุ้น” ว่า มองว่าโครงการ TISA มองว่าเป็นโครงการที่ดีในระยะยาว แต่ไม่ว้าวในระยะสั้น เพราะวงเงินลดหย่อน 8 แสนบาท ซึ่งเท่ากับปีที่ผ่านมาที่เป็นการลงทุนเพื่อบำนาญ  5 แสนบาท และกองทุน Thai ESG  3 แสนบาท  และยังไม่ได้เปิดเผยข้อมูลว่าลงทุนหุ้นต่างประเทศได้สัดส่วนเท่าไร

ทั้งนี้หากเปิดให้ลงทุนต่างประเทศสัดส่วนที่มากอาจจะทำให้เม็ดเงินไม่ได้ไหลเข้ามาลงทุนในตลาดหุ้น รวมถึงการให้สิทธิประโยชน์ทางภาษีแก่ผู้มีรายได้เกิน 1.5 ล้านบาท เพียง 0.7 เท่านั้น อาจจะทำให้ผู้มีรายได้สูงอาจจะไม่จูงใจเข้ามาลงทุน  สะท้อนกับดัชนีหุ้นไทยวานนี้ ปรับตัวลดลง  เพราะนักลงทุนผิดหวัง   โดยส่วนตัวมองว่าควรให้สิทธิประโยชน์จูงใจผู้มีรายได้มากกว่านี้

อย่างไรก็ตาม TISA อาจจะส่งผลดีกับหุ้นขนาดกลางและขนาดเล็ก เพราะนักลงทุนสามารถเลือกลงทุนได้ จากปัจจุบันมีหุ้นที่ต่ำกว่ามูลค่าบัญชีต่ำสูงถึง 60%  และนักลงทุนที่มีรายได้ไม่เกิน 1.5 ล้านบาทต่อปี ก็จะมีการซื้อหุ้นได้ถูกลงเพราะสามารถลดหย่อนภาษีได้ 1.3 เท่า ซึ่งอาจจะทำให้ผลอตบแทนการลงทุนที่แท้จริงอาจจะได้ระดับ 10%  

ด้านบริษัทหลักทรัพย์ เอเซีย พลัส จำกัด แนะนำหุ้นเด่นรับกระแส TISA ได้แก่กลุ่ม หุ้นมีรายได้เพิ่มจากมาตรการ TISA, KBANK, KTB, BBL, SCB, ASP, KGI   หุ้นหวังปันผลสูงเกิน 8% มี ESG RATING คือ SIRI, DRT, SC, BA, LH, PTTEP, ICHI, MC, STA,MAJOR และหุ้นมี ESG RATING AAA ขนาดใหญ่ PTT, KBANK, KTB, CPALL, BBL, CPN, SCC, TTB, CPF,OR

ข่าวที่เกี่ยวข้อง