CIเฮ!ต่อเที่ยวด้วยกัน หนุนยอดจองโรงแรม
#CI #ทันหุ้น – CI ยิ้มรับ ททท. ดันเราเที่ยวด้วยกันเฟส 4 ส่วนต่อขยาย เข้า ศบศ. วันนี้ เชื่อช่วยหนุนรายได้ธุรกิจโรงแรม จ่อเปิดโครงการบ้านหรูเพิ่ม 2 โครงการ มูลค่ากว่า 3,000 ล้านบาทมองดีมานด์ยังมีอีกมาก มั่นใจรายได้ปีนี้ยังทำได้ใกล้เคียงปีก่อน
นายสงกรานต์ อิสสระ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร และกรรมการผู้จัดการ บริษัท ชาญอิสสระ ดีเวล็อปเมนท์ จำกัด (มหาชน) หรือ CI เปิดเผยถึงกรณีที่การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (ททท.) เตรียมเพิ่มโครงการเราเที่ยวด้วยกันส่วนต่อขยายเฟส 4 จะเป็นปัจจัยหนุนผลการดำเนินงานต่อบริษัทได้เป็นอย่างดี
ทั้งนี้ ททท. ได้เสนอการเพิ่มสิทธิโครงการเราเที่ยวด้วยกันเฟส 4 ผ่านสำนักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ และเตรียมเข้าที่ประชุมศูนย์บริหารสถานการณ์เศรษฐกิจ (ศบศ.) ในวันศุกร์ที่ 6 พฤษภาคมนี้ต่อไป
โดยโครงการเราเที่ยวด้วยกันส่วนต่อขยายเฟส 4 เป็นการนำงบประมาณที่คงเหลือจากการดำเนินการเราเที่ยวด้วยกันเฟส 4 และข้อกำหนดเดิมมาใช้ต่อเนื่อง ซึ่งอยู่ระหว่างการคำนวณวงเงินงบประมาณคงเหลือจากเฟส 4 คาดว่าจะได้ข้อสรุปที่ชัดเจนภายในเดือนพฤษภาคม หากทุกอย่างมีความพร้อม ก็จะมีโอกาสเริ่มดำเนินโครงการเราเที่ยวด้วยกัน ส่วนต่อขยายเฟส 4 ได้ภายในเดือนมิถุนายนนี้ทันที
***อัตราเข้าพักสูง
นายสงกรานต์ ยอมรับว่า ธุรกิจโรงแรมปัจจุบันถือว่าปรับตัวดีขึ้นมาอย่างต่อเนื่อง ส่วนใหญ่มาจากนักท่องเที่ยวในประเทศ ซึ่งวัดได้จากอัตราการเข้าพักในช่วงเดือนมีนาคม – เมษายน 2565 ที่ปรับตัวดีขึ้นและคาดว่าจะต่อเนื่องไปอีก ทั้งโรงแรมที่หัวหิน ชะอำ และภูเก็ต พังงา โดยมีปัจจัยบวกแรกหลังจากที่มีการยกเลิกมาตรการเข้าประเทศในรูปแบบ Test & Go โดยปรับให้ใช้เพียงการตรวจ ATK ที่เริ่มมีผลตั้งแต่วันที่ 1 พฤษภาคมเชื่อว่าจะสามารถสร้างความเชื่อมั่นให้เเก่นักท่องเที่ยวต่างชาติได้
เเต่อย่างไรก็ตามยังต้องใช้ระยะเวลาค่อยเป็นค่อยไป ซึ่งประเมินว่าจะเห็นผลชัดเจนภายในปี 3 เดือนข้างหน้า (พ.ค. - ก.ค. 2565) ถึงจะเริ่มมีนักท่องเที่ยว ยุโรป เอเชีย เข้ามามากขึ้น ส่วนนักท่องเที่ยวจากประเทศจีนคาดว่าจะเริ่มเข้ามาในประเทศไทยได้ หลังจากสถานการณ์ทุกอย่างคลี่คลาย ซึ่งอาจจะเป็นปี 2566
***บ้านหรูขายดี
ด้านธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ ตลาดบ้านหรูยังมีกำลังซื้อสูงต่อเนื่อง ทั้งโครงการอิสระเรสซิเดนซ์ พระราม 9 เเละบ้านอิสระ บางนา โดยในช่วงไตรมาสเเรก ถือว่ามียอดขายดีขึ้นต่อเนื่อง
ซึ่งกลยุทธ์ถัดไปบริษัทจะเร่งพัฒนาโครงการบ้านแนวราบมากขึ้น ไม่ว่าจะเป็นระดับ A / B ถึง Hi-End โดยมองว่าตลาดในระดับนี้ยังมียอดขายที่เติบโตได้ดีในสถานการณ์ปัจจุบัน ทั้งนี้บริษัทมีเเผนการเปิดโครงการใหม่ ในปีนี้บริษัทตั้งเป้าเปิดโครงการเเนวราบ 2 โครงการ ในกรุงเทพฯ มูลค่าราว 3,000 ล้านบาท เเละเตรียมก่อสร้างโครงการคอนโดมิเนียม ศศรา หัวหิน (SASARA Hua Hin) มูลค่ากว่า 1,500 ล้านบาท สำหรับปัจจุบันธุรกิจอสังหาริมทรัพย์คิดเป็นสัดส่วนรายได้ของบริษัทราว 70%
อย่างไรก็ดี บริษัทประเมินว่าการเติบโตของรายได้ในปี 2565 คาดว่าจะทำได้ใกล้เคียงกับปีที่ผ่านมา ที่มีรายได้ 2,299.09 ล้านบาท โดยมองว่าธุรกิจโรงแรมจะเริ่มกลับมาฟื้นตัว และยอดขายของ ตลาดบ้านไฮเอนด์ยังยอดขายเข้ามาอย่างต่อเนื่อง