รีเซต

BTS คาดการณ์รายได้งวดปี 68/69 เพิ่มขึ้นราว 50% เเตะระดับ 2.85 หมื่นล้านบาท

BTS คาดการณ์รายได้งวดปี 68/69 เพิ่มขึ้นราว 50% เเตะระดับ  2.85 หมื่นล้านบาท
TNN ช่อง16
4 มิถุนายน 2568 ( 13:48 )
14

เจ้าหน้าที่นักลงทุนสัมพันธ์ BTS กล่าวว่า ในงวดปี 68/69 รายได้บริษัทจะเพิ่มขึ้นทุกธุรกิจ ทั้ง MOVE, MIX, MATCH โดยเฉพาะธุรกิจ MATCH คือ บมจ.แรบบิท โฮลดิ้งส์ [RABBIT] และ บมจ.ร็อคเทค โกลบอล [ROCTEC] ที่เป็นบริษัทย่อย บริษัทจะรับรู้รายได้ทั้งสองบริษัทเต็มที่ตลอดทั้งปี จากงวดปี 67/68 ที่มีระยะเวลารับรู้รายได้เพียง 5 เดือนนับจากเดือน พ.ย.67 ที่เข้าเพิ่มสัดส่วนการถือหุ้น

นอกจากนี้ หากบริษัทได้รับชำระหนี้ O&M ส่วนที่เหลือภายในวันที่ 31 มี.ค.69 จะส่งผลให้เงินสดสุทธิจากการดำเนินงาน (CFO) เพิ่มขึ้นเป็น 3.9 หมื่นล้านบาท และอัตราส่วนโครงสร้างทางการเงิน (Leverage Ratio) จะลดลงเป็นประมาณ 1.0 เท่า

ส่วนรายได้ในกลุ่มธุรกิจ MOVE ในงวดปี 68/69 คาดว่าจะเพิ่มขึ้นเป็น 9.9 พันล้านบาท สาเหตุหลักมาจากรายได้ O&M ที่คาดว่าจะเติบโตเป็น 7.6 พันล้านบาท และดอกเบี้ยรับเกี่ยวกับโครงการรถไฟฟ้าจำนวน 4.5 พันล้านบาท นอกจากนี้ บริษัทคาดว่าจำนวนเที่ยวเดินทางของรถไฟฟ้าสายสีเขียวหลักจะอยู่ที่ 215 -220 ล้านเที่ยวคน ในงวดปี 68/69 และเติบโตเป็นประมาณ 240 ล้านเที่ยวคนใน อีก 3 ปีข้างหน้า โดยมีงบลงทุน (CAPEX) 1 พันล้านบาท

ด้านธุรกิจ MIX (หรือ บมจ.วีจีไอ โกลบอล [VGI])

คาดจะมีรายได้ 6-6.5 พันล้านบาท ถึงแม้ว่าการชะลอตัวทางเศรษฐกิจอาจส่งผลกระทบต่ออุตสาหกรรมโฆษณาโดยรวม แต่ธุรกิจสื่อโฆษณานอกบ้านยังคงเติบโตตามการขยายตัวของเมือง โดยงบประมาณในการโฆษณาส่วนมากนั้นกระจุกตัวอยู่ในกรุงเทพมหานคร และจำนวนผู้โดยสารรถไฟฟ้าคาดว่าจะเติบโตต่อเนื่องหากเริ่มใช้นโยบายค่ารถไฟฟ้า 20 บาทตลอดสาย จะช่วยสนับสนุนการฟื้นตัวของสื่อโฆษณาบนระบบขนส่ง (Transit Media) โดยคาดว่า VGI จะรับรู้รายได้ 6-6.5 พันล้านบาทในงวดปี 68/69 คาดการณ์เงินลงทุนไม่เกิน 1.0 พันล้านบาท (Capex) สุดท้าย

ในกลุ่มธุรกิจ MATCH คาดรายได้ 10,400 ล้านบาท เพิ่มขึ้นอย่างมีนัยสำคัญในงวดปี 68/69 หลังรวมรายได้ RABBIT และ ROCTEC ในงบการเงินรวมของ BTS เต็มปี โดยคาดว่าจะมีรายได้จาก RABBIT จำนวน 7 พันล้านบาท และจาก ROCTEC จำนวน 3.4 พันล้านบาท ขณะที่เงินลงทุน (Capex) ในช่วงปีเดียวกันนี้ คาดว่าจะลดลงเหลือประมาณ 2 พันล้านบาท

ลุ้นกทม.จ่ายหนี้ส่วนที่เหลือราว 4 หมื่นลบ.

นายสุรพงษ์ เลาหะอัญญา กรรมการ BTS กล่าวว่า BTS ยังมีคดีฟ้องเรียกหนี้กับ กทม.อยู่ราว 1.2 หมื่นล้านบาท ซึ่งรอผลตัดสินของศาลปกครองสูงสุด โดยมูลหนี้ส่วนนี้ตั้งแต่เดือน มิ.ย.64-ต.ค.65 และส่วนที่เหลือที่ยังไม่ได้ฟ้อง (ตั้งแต่เดือน พ.ย.65 จนถึงปัจจุบัน) โดยหากรวมหนี้ทั้งหมด ณ สิ้นเดือน มี.ค.68 จะมีจำนวน 3.9 หมื่นล้านบาท (ดอกเบี้ยวันละ 7 ล้านบาท)

บริษัทได้นำเงินที่ กทม.ชำระหนี้มาแล้วบางส่วนไปคืนหนี้ของบริษัท ทำให้หนี้สินสุทธิต่อทุน (Adjusted Net Debt ti Equity) ณ สิ้นเดือน มี.ค.68 ลดลงมาที่ 1.28 เท่า จากสิ้นเดือน มี.ค.67 อยู่ที่ 2.5 เท่า

กลุ่มบริษัทมีสภาพคล่องที่แข็งแกร่ง ณ วันที่ 31 มี.ค.68 มีเงินสดและเงินลงทุนที่มีสภาพคล่อง 4.5 หมื่นล้านบาท โดยความแข็งแกร่งนี้ได้รับการสนับสนุนจากการรับเงินอุดหนุนจากภาครัฐสำหรับโครงการรถไฟฟ้าสายสีชมพและสายสีเหลือง 4.8 พันล้านบาทต่อปี อีกทั้งภายในงวดปี 67/68 กทม.ได้ชำระเงินต้นพร้อมดอกเบี้ยค้างชำระรวม 3.78 หมื่นล้านบาทสำหรับหนี้ส่วนงานระบบ E&M และค่าบริการ O&M และเราคาดว่าจะได้รับการชำระหนี้ O&M ส่วนที่เหลือในอนาคตอันใกล้

นายสุรพงษ์ กล่าวว่า ธุรกิจภายใต้ BTS ส่วนใหญ่ไม่ได้รับผลกระทบโดยตรงจากนโยบายการปรับอัตราภาษีของสหรัฐฯ เนื่องจากรายได้ส่วนใหญ่มาจากธุรกิจในประเทศ นอกจากนี้ บริษัทฯ มีสัญญากับกทม. และภาครัฐ ซึ่งเป็นสัญญาให้บริการเดินรถและซ่อมบำรุง (O&M) มีการป้องกันผลกระทบจากการเปลี่ยนแปลงของอัตราเงินเฟ้อ โดยสัญญาดังกล่าว เป็นสัญญาที่มีรายได้ที่แน่นอน และจำกัดความเสี่ยงของการเปลี่ยนแปลงของจำนวนผู้โดยสาร

สำหรับงวดปี 67/68 บริษัทฯ บันทึกรายได้ O&M จำนวน 7.3 พันล้านบาท และคาดว่าจะเติบโต 4.1% เป็น 7.6 พันล้านบาทใน';fปี 68/69

ในปีที่ผ่านมา กลุ่มบริษัทได้มีการดำเนินการเพิ่มทุนและปรับโครงสร้างการถือหุ้นของกลุ่มบริษัท โดยมีการเพิ่มทุนทั้ง บีทีเอส กรุ๊ป และ VGI เพื่อเพิ่มความแข็งแกร่งของเงินทุน และช่วยเตรียมความพร้อมสำหรับการเติบโตในอนาคต

สำหรับธุรกิจ MOVE จากนโยบายค่าโดยสารรถไฟฟ้า 20 บาทตลอดสายของภาครัฐ ซึ่งจะครอบคลุมรถไฟฟ้าทั้งหมด ที่คาดว่าจะดำเนินนโยบายในเดือนกันยายน 2568 บริษัทฯ พร้อมสนับสนุนนโยบายดังกล่าว และคาดว่าจากนโยบายดังกล่าว จะทำให้ผู้โดยสารทั้งระบบเพิ่มขึ้นราว 20-30%

งวดปี 67/68 พลิกมีกำไรหลังบุ๊กรายได้

ผลการดำเนินงานงวดปี 67/68 (สิ้นสุด มี.ค.68) บริษัทมีกำไรสุทธิส่วนที่เป็นของผู้ถือหุ้น 2,117 ล้านบาท พลิกจากขาดทุน 5,241 ล้านบาท ในงวดปี 66/67 สาเหตุหลักมาจากการเพิ่มขึ้นของ Recurring EBITDA และการบันทึกกำไรที่เกิดขึ้นเพียงครั้งเดียวจากการเปลี่ยนสถานะของ บมจ.แรบบิท โฮลดิ้งส์ [RABBIT] และบมจ.ร็อคเทค โกลบอล [ROCTEC] ส่งผลให้บริษัทมีอัตรากำไรสุทธิ 7.3%

ส่วนรายได้รวมมีจำนวน 28,998 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 18.9% หรือ 4,615 ล้านบาทจากงวดปีก่อน ส่วนใหญ่เป็นผลมาจาก

การรวมรายได้ของ RABBIT และ ROCTEC จำนวนรวม 3,423 ล้านบาท ตั้งแต่ต้นเดือน พ.ย.67 หลังจากการเข้าซื้อหลักทรัพย์โดยสมัครใจ (Voluntary Tender Offer: VTO)

การเพิ่มขึ้นของรายได้อื่น ส่วนใหญ่มาจากการบันทึกกำไรที่เกิดขึ้นเพียงครั้งเดียว จำนวน 3,368 ล้านบาท จากการเปลี่ยนสถานะของ RABBITและ ROCTEC จากบริษัทร่วมเป็นบริษัทย่อย รวมถึงกำไรจากการขายเงินลงทุน จำนวน 252 ล้านบาท

อย่างไรก็ตาม การเพิ่มขึ้นดังกล่าวถูกหักกลบบางส่วนด้วยการลดลงของรายได้จากการให้บริการรับเหมา จำนวน 2,753 ล้านบาทหลังจากการเสร็จสิ้นงานก่อสร้างโครงการรถไฟฟ้าสายสีเหลืองและสายสีชมพูสายหลัก นอกจากนี้ ยังไม่มีการบันทึกผลขาดทุนที่เกิดขึ้นเพียงครั้งเดียวจากการด้อยค่าเงินลงทุนของ บมจ. เคอีเอ็กซ์ เอ็กซ์เพรส (ประเทศไทย) [KEX] (ซึ่งบันทึกรายการขาดทุนจากการขายเงินลงทุน)

กำไรจากการดำเนินงานที่เกิดขึ้นเป็นประจำก่อนค่าเสื่อมราคา ค่าตัดจำหน่าย ดอกเบี้ยและภาษี (Recurring EBITDA) จำนวน 9,185 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 12.2% หรือ 999 ล้านบาทจากปีก่อนหน้า ส่วนใหญ่มาจากการเพิ่มขึ้นของ Recurring EBITDA ของธุรกิจ MIX และ MATCH รวมถึงการกลับมารับรู้ส่วนแบ่งกำไรจากเงินลงทุนในบริษัทร่วมและการร่วมค้า จำนวน 454 ล้านบาท (เมื่อเทียบกับส่วนแบ่งขาดทุน จำนวน 206 ล้านบาทจากปีก่อนหน้า)

การเพิ่มขึ้นของ Recurring EBITDA ในธุรกิจ MIX หลังกลับมารับรู้ส่วนแบ่งกำไรเงินลงทุนจากการขายหุ้นใน KEX รวมถึงการฟื้นตัวของผลการดำเนินงานของบมจ.เจมาร์ท กรุ๊ป โฮลดิ้งส์ [JMART] และผลการดำเนินงานที่ดีขึ้นอย่างต่อเนื่องของ VGI รวมถึงการเพิ่มขึ้นของ Recurring EBITDA ในธุรกิจ MATCH สาเหตุหลักมาจากการรวมงบการเงินของ RABBITและ ROCTEC

ทั้งนี้ เงินสดสุทธิจากกิจกรรมการดํเนินงาน จำนวน 4.02 หมื่นล้านบาท แข็งแกร่งขึ้นจากการรับชำระหนี้ E&M และ หนี้ O&M (ฟ้องครั้งที่1) จากกรุงเทพมหานคร (กทม.) เงินสดและรายการเทียบเท่าเงินสด ณ วันที่ 31 มี.ค.68 จำนวน 3.34 หมื่นล้านบาท เพิ่มขึ้น 436.7%หรือ 2.72 หมื่นล้านบาทจากวันที่ 31 มี.ค.67

เตรียมโอนทุนสำรองล้างขาดทุนสะสมกว่า 5.8 พันลบ.

ที่ประชุมคณะกรรมการ BTS เมื่อวันที่ 30 พ.ค.68 อนุมัติให้เสนอต่อที่ประชุมสามัญผู้ถือหุ้นประจำปี 2568 เพื่อพิจารณาและอนุมัติการโอนทุนสำรองตามกฎหมายจำนวน 178,065,674 บาท และส่วนเกินมูลค่าหุ้นจำนวน 5,671,338,357 บาท เพื่อชดเชยผลขาดทุนสะสมตามงบการเงินเฉพาะกิจการรอบระยะเวลาบัญชีสิ้นสุดวันที่ 31 มีนาคม 2568 จำนวน 5,849,404,031 บาท ซึ่งจะทำให้บริษัทไม่มีผลขาดทุนสะสมในงบการเงินเฉพาะกิจการ และจะมีทุนสำรองตามกฎหมาย 0 บาท และมีส่วนเกินมูลค่าหุ้น 6,202,704,809 บาท

กำหนดการประชุมสามัญผู้ถือหุ้นประจำปี 2568 ในวันศุกร์ที่ 25 ก.ค.68 และกำหนดรายชื่อผู้ถือหุ้นที่มีสิทธิในการเข้าร่วมประชุม 19 มิ.ย.68

ข่าวที่เกี่ยวข้อง