กางแผนนโยบายเทคฯ สร้างชาติ สู้ศึกเลือกตั้ง 66 | TNN Tech Reports

คนไทยในยุคดิจิทัลมีรูปแบบการใช้ชีวิตที่ผูกพันกับเทคโนโลยีอย่างแยกจากกันไม่ได้ เห็นได้จากผลสำรวจของสวนดุสิตโพลเมื่อปีที่ผ่านมาพบว่า 

• คนไทยเกือบร้อยละ 80 ใช้เทคโนโลยีเพื่อติดต่อสื่อสารระหว่างกัน  
• คนไทยถึงร้อยละ 78 ที่ชำระค่าใช้จ่าย / ทำธุรกรรมฝาก ถอน โอน จ่าย ผ่านระบบดิจิทัล 

สอดรับกับรายงาน Digital 2022 Global Overview ของ We are social และ Meltwater ซึ่งเป็นเอเจนซีด้านโซเชียลมีเดียที่เผยว่า 

• คนไทยกว่าร้อยละ 68 ซื้อสินค้าออนไลน์เป็นประจำทุกสัปดาห์ นำหน้าประเทศ มาเลเซีย เกาหลีใต้ เม็กซิโก และจีน เป็นอันดับหนึ่งของโลก

นอกจากนั้น คนไทยยังให้ความสำคัญกับเรื่องของรถพลังงานไฟฟ้า โดยข้อมูลของกรมการขนส่งทางบก เผยว่า ปี 2565 ที่ผ่านมา คนไทยจดทะเบียนรถพลังงานไฟฟ้าเต็มรูปแบบกว่า 15,000 คัน มากกว่าปี 2564 เกือบ 10,000 คัน

"รัฐบาลใหม่จะนำเทคโนโลยี มาใช้สร้างรายได้ สร้างอาชีพ ยกระดับชีวิตของประชาชนคนไทย ให้สอดรับกับรูปแบบการใช้ชีวิตที่เปลี่ยนไปสู่ความเป็นดิจิทัลที่มากขึ้นในปัจจุบันได้อย่างไร ?" 

"พรรคไทยสร้างไทย"

เทพฤทธิ์ สีน้ำเงิน

รองเลขาธิการพรรคไทยสร้างไทย

"ส่งเสริมด้านของ Health Care หรือการเปิดตลาดด้านสุขภาพของต่างประเทศ ตอนนี้เราไปเมืองนอกต้องกรอกข้อมูลสุขภาพเยอะมาก ถ้าลองจินตนาการภาพ ถ้าข้อมูลเหล่านี้ทำอยู่ในประเทศไทย แต่เป็น AI เป็น BlockChain Machine Learning เราจะรู้สุขภาพระดับหนึ่งของนักท่องเที่ยวสามารถสร้างแพ็คเกจการท่องเที่ยวแบบต่าง ๆ 

สปา ไทยเฮิร์บ นวด สามารถรักษาเบื้องต้น คิดดูว่ามันจะวิเศษขนาดไหนว่ามาประเทศนี้ ให้ข้อมูลด้านสุขภาพด้วยความสมัครใจมีโปรแกรมดูแลสุขภาพให้เบื้องต้น ทำให้เกิดรายได้ต่าง ๆ มากยิ่งขึ้น

นี่มันเป็นการมองภาพเทคโนโลยี + การท่องเที่ยว + ส่งเสริมให้คนตัวเล็กจะมีโอกาสในการสร้างรายได้เพิ่มเติม ถ้าหากเราสามารถรู้ว่าจังหวัดนี้มีคลินิกอะไร จังหวัดนี้มีสปา มีบริการอะไรลิงค์กับนักท่องเที่ยว ส่งในแอพเลยว่า มีพวกนี้ต่าง ๆ มันก็จะทำให้เขารู้ทันที ทำให้คนตัวเล็กมีโอกาสมีรายได้เพิ่มเติม ชาวต่างชาติก็สามารถใช้บริการได้สบายใจว่า 

ที่นี่มีคนดูแลเทคแคร์อยู่ นี่แหละครับคือเรามองภาพ Well Being ไม่เพียงแค่ไทยที่แข็งแรง แต่เรามองว่าสามารถพัฒนาการท่องเที่ยวเชิง Well Being ที่มันกว้างกว่า"

"พรรคก้าวไกล"

ณัฐพงษ์ เรืองปัญญาวุฒิ 

รองเลขาธิการพรรคก้าวไกล

"ในฐานอุตสาหกรรมประเทศไทยทุกองค์ประกอบในการผลิตรถไฟฟ้าอีวี จริง ๆ เรามีความพร้อมอยู่แล้ว การสร้างรถเมล์ไฟฟ้าขึ้นมามันก็มีซัพพลายเชนกว้าง นอกจากเรื่องแบตเตอรี่ ก็คือเรื่องของชิ้นส่วนประกอบต่าง ๆ ของตัวรถเมล์เอง รวมไปถึงเรื่องของระบบต่าง ๆ อย่าง แอปเรียลบัสที่มีในกรุงเทพฯ อนาคตถ้าเราจะทำในต่างจังหวัดบ้าง 

จะเกิดในเรื่องของการพัฒนาซอฟต์แวร์ที่ให้ประชาชนสามารถเข้ามาติดตามดูได้ว่ารถเมล์แต่ละคันวิ่งได้ถึงไหน ใกล้ถึงหรือยัง หรือจะพัฒนาไปได้ไกลกว่านั้น อีกหน่อยอาจจะมีแอพเรียกรถก็ได้ที่เป็นแพลตฟอร์มกลาง เรื่องของการคมนาคมขนส่งแค่หนึ่งอย่าง สร้างซัพพลายเชนอีกหลากหลายเลย

ถ้าเราปล่อยให้แต่ละจังหวัดไม่มีอำนาจทำเอง บางจังหวัดทำ บางจังหวัดไม่ทำ มันไม่ได้เกิดการขับเคลื่อนในภาพรวม อย่างที่พรรคก้าวไกลเริ่มเสนอข้อบัญญัติรถเมล์ไฟฟ้าในกรุงเทพมหานครเป็นสเต็ปแรก แต่ถ้าเรามองไปไกลกว่านั้น เรื่องนี้ควรจะต้องถูกยกระดับเป็นพระราชบัญญัติในระดับประเทศด้วยซ้ำ ในอนาคตการคมนาคมขนส่งจะพึ่งพาพลังงานสะอาดมากขึ้น 

ผมยกตัวอย่างใกล้เคียงอย่างเช่น เรื่องน้ำประปาที่เห็นว่าพรรคก้าวไกลออกมาเสนอเรื่องของน้ำประปาดื่มได้ พ.ร.บ.น้ำสะอาด หน้าที่ของกฎหมายของรัฐส่วนกลางที่จะต้องออกคือการบอกว่าเพื่อที่จะทำให้น้ำประปาทุกแห่งสะอาดพอดื่มได้"

"พรรคชาติพัฒนากล้า"

กรณ์ จาติกวณิช 

หัวหน้าพรรคชาติพัฒนากล้า

"พูดถึง Cloud Factory ตัวอย่างที่ดีที่สุด นายก อบต.ตำบลบ้านใหม่ จังหวัดอยุธยา มีความพยายามอย่างมากที่จะสร้างโอกาสสร้างรายได้ให้กับประชาชน ประชาชนมีสินค้าดี มีสินค้าประเภทโอท๊อป แต่ว่าจะผลิตให้มีมาตรฐานที่ผู้บริโภคยอมรับดีพอที่จะไปวางตามห้างได้อาศัยอุปกรณ์เครื่องมือที่เขาคนเดียวไม่สามารถจะลงทุนซื้อมาได้แน่นอน ทางอบต. ก็เลยทำสิ่งที่เรียกว่า Cloud Factory ขึ้นมา เราอาจจะได้ยิน Cloud Kitchen

Cloud Factory ก็คือโรงงานรวม อบต.ลงทุนในอุปกรณ์จำเป็นอย่างเช่น อุปกรณ์การทอดอาหารที่ถูกสุขอนามัย มีเครื่องแพ็คใส่ถุงที่เป็นถุงสุญญากาศอย่างมีมาตรฐานสากล ไปขอตัว อ.ย.ของชาวบ้านได้อีกต่างหาก ก็คือเพิ่มความสะดวกให้กับชาวบ้าน ปล่อยให้ชาวบ้านไปขอเองไม่มีทางสำเร็จ จะทำแคบหมูก็สามารถที่จะมาจองเวลาที่จะใช้ Cloud Factoryในการผลิตแคบหมูของตัวเอง บรรจุถุงเป็นอย่างดี มันสะอาด มี อ.ย. และนำไปขายในราคาที่สูงขึ้นได้ 

เทียบกับถ้าสมมติเขามานั่งทำเอง ด้วยต้นทุนที่ลดลงด้วย พูดง่าย ๆ ก็คือเป็นครัวกลางให้กับชุมชน สามารถที่จะเข้าถึงอุปกรณ์เครื่องมือที่ด้วยตัวเองเพราะเขาไม่มีกำลังทุนเพียงพอที่จะลงทุนได้ องค์กรที่ควรจะมีหน้าที่นี่คือสหกรณ์ แต่ข้อเท็จจริงก็คือที่เรามีอยู่ไม่ได้ทำหน้าที่นี้แล้ว

ยกตัวอย่างที่นิวซีแลนด์มีจำนวนสหกรณ์มากมาย ตอนหลังเขาออกกฏหมายมาควบรวมสหกรณ์ทั้งหมดเป็นหนึ่งเดียว ทั้งประเทศเป็นหนึ่งเดียว สหกรณ์สำหรับเกษตรกรที่เลี้ยงโค ซึ่งสหกรณ์หนึ่งเดียวนี้ก็แปรรูปเป็นบริษัทเพื่อมีการบริหารจัดการที่ทันสมัย ตอนนี้อยู่ในตลาดหลักทรัพย์เป็นหนึ่งบริษัทที่มีมูลค่ามากที่สุดของนิวซีแลนด์ซื้อผลผลิตของเกษตรกรที่เป็นสมาชิกในราคาเป็นธรรม 

สองก็คือแปรรูป ไปเป็นเนย ไปเป็นเนยแข็ง สามเขาไปหาตลาดทั่วโลกด้วยการสร้างยี่ห้อ"