รีเซต

'หมอธีระวัฒน์' ชี้แนวโน้มดี 3 อาทิตย์จะสงบได้ คนไทยต้องกลัวตาย แต่ตอนนี้ยังเห็นสนุกสุดเหวี่ยง

'หมอธีระวัฒน์' ชี้แนวโน้มดี 3 อาทิตย์จะสงบได้ คนไทยต้องกลัวตาย แต่ตอนนี้ยังเห็นสนุกสุดเหวี่ยง
มติชน
11 เมษายน 2564 ( 10:21 )
107
'หมอธีระวัฒน์' ชี้แนวโน้มดี 3 อาทิตย์จะสงบได้ คนไทยต้องกลัวตาย แต่ตอนนี้ยังเห็นสนุกสุดเหวี่ยง

 

ข่าววันนี้ 11 เมษายน 2564 ศ.นพ.ธีระวัฒน์ เหมะจุฑา ผู้อำนวยการศูนย์วิทยาศาสตร์สุขภาพโรคอุบัติใหม่ คณะแพทยศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย ได้โพสต์เฟซบุ๊กระบุถึงประเด็นการแพร่ระบาดของโควิด-19 โดยระบุว่า

 

“อยู่รอด. รอดตายกันนะครับ แพร่มากเห็นมีอาการทยอยกันมากขึ้นเรื่อยๆ ที่ว่าแนวโน้มดี สามอาทิตย์น่าจะสงบ หมายความว่าคนไทยต้องกลัวตาย แต่ที่เห็นขณะนี้ คือยังสนุกสุดเหวี่ยงกันอยู่ สงบต้องเปลี่ยนเป็นสลบ”

 

นอกจากนี้ ยังระบุอีกว่า “แก้ปัญหาให้ได้ต้องอยู่ที่การยอมรับก่อน”

 

1- ยอมรับว่ามีผู้ติดเชื้อที่ไม่มีอาการแต่แพร่เชื้อได้ มีอยู่มาตลอดตั้งแต่ปีที่แล้วจนถึงปัจจุบัน

 

2- ผู้ติดเชื้อที่ไม่รู้ตัวที่มีปริมาณเข้มข้นขึ้นเหล่านึ้ เมื่อเข้าไปในสถานบริการ ที่เปรียบเสมือนเป็น “หม้อเพาะเชื้อ”
ยกตัวอย่างใน 100 คน ในสถานบริการที่ไม่มีวินัยใดๆทั้งสิ้น มีผู้ที่แพร่เชื้ออยู่ได้ในนั้น สี่ถึงห้าคน ไม่ใช่คนเดียวประสิทธิภาพในการแพร่จะยิ่งเก่งเป็นทวีคูณ

 

และเหตุการณ์ที่เกิดในปัจจุบันนี้ สถานบันเทิงเป็นแค่ “หม้อเพาะเขื้อ” ให้เพิ่มปริมาณและกระจายไปทุกพื้นที่ในประเทศไทย

 

3- เชื้อไม่ว่าจะเป็นกลุ่มดั้งเดิม เป็นกลุ่มใหม่ ไม่ว่าในทางทฤษฎีจะแพร่กว่าเร็วหรือไม่


ประเด็นสำคัญคือ “การหยุด”การแพร่เชื้อให้ได้โดยเร็วที่สุด

 

4- การหยุดการแพร่เชื้อในส่วนที่ทางการต้องทำคือการตรวจคัดกรอง ที่สมาร์ท คำว่าคัดกรองคือหลุดไม่ได้เป้าหมายคือแม้แต่คนเดียวก็ตามและคำว่า สมาร์ท คือต้องมีความสะดวก เข้าถึงราคาถูกประหยัด ง่าย รู้ผลเร็ว

 

5- ต้องยอมรับว่าการแยงจมูกกระทำได้ด้วยความยากลำบาก ทั้งคนปฏิบัติหน้างาน และในห้อง แลป ต้องมีเจ้าหน้าที่ประกบกันอย่างน้อยสองถึงสี่คนขึ้นไป แต่กว่าจะทราบผลขึ้นอยู่กับจำนวนตัวอย่าง ความสามารถของห้องปฏิบัติการ ของคนทำ ของเครื่องมือ ของน้ำยา และความผิดพลาดที่อาจจะเกิดขึ้นและความเร็ว จะขึ้นอยู่กับปัจจัยเหล่านี้

 

เครื่องอัตโนมัติทำได้วันละ 1000 ตัวอย่างดีแต่ถ้าน้ำยาไม่ส่งเครื่องหยุดทำงานระบบสายพานจะสะดุดทันที

 

6- การแยงจมูก “ครั้งเดียว “ไม่ยืนยันว่าคนนั้นไม่ได้ติดเชื้อ เพราะเชื้อในขณะที่ตรวจ อาจไม่พบได้

 

ถามตัวเองว่า ทำไมคนที่มาจากต่างประเทศจึงต้องกักตัว 14 วันและต้องแยงจมูก สามครั้ง ทั้งนี้เพื่อให้แน่ใจ และขณะนี้ ทำไมถ้าแยงครั้งเดียว บอกว่าไม่ติด และที่ผ่านมาจะหลุดไปเพียงใด

 

7- ยอมรับว่าเราต้องการให้คนไทยได้วัคซีนให้มากที่สุดและกรณีของ โควิด-19 ไม่ใช่เพียง 60 ถึง 70% เท่านั้น

 

แต่ต้องครอบคลุมทั้งประเทศเพราะวัคซีนไม่สามารถป้องกันการติดเชื้อได้ทั้งหมดแต่เมื่อติดเชื้อแล้วไม่ตายและโอกาสปล่อยเชื้อออกมาจากตัวจะสั้นลงและปริมาณน้อยลง เท่ากับเราสู้กับ ศัตรูโควิด ได้เท่าเทียมกันแล้ว

 

8- นั่นเป็นเหตุผลว่าถ้าวัคซีนยังฉีดได้ไม่เร็วพอ ไม่ครบ


และถึงแม้ครบคนไทยเกือบทุกคนแล้วก็ตาม


ยังคงต้องมีวินัยส่วนตนและรักษาระยะห่างอยู่เหมือนเดิมจนกว่าจะพิสูจน์แล้วว่าประเทศไทยสะอาดโดยที่ “ต้อง” มีการตรวจคัดกรอง อยู่ตลอดเวลาในทุกพื้นที่

 

9- ทำไมต้องมี การตรวจตราคัดกรองตลอดเวลา นั่นคือแคร์คนติดเชื้อที่ไม่มีอาการ ก็ต้องกลับไปดูที่ข้อหนึ่งและข้อสอง
ไม่เช่นนั้นก็จะวนเวียนซ้ำซากอยู่


และประการสำคัญก็คือการปล่อยให้มีการแพร่ออกไปอีกซ้ำแล้วซ้ำเล่า จะเปิดโอกาสให้เชื้อโควิดมีการปรับตัว หลบหลีกการตรวจหาเชื้อ และแน่นอนประสิทธิภาพของวัคซีนจะลดลงอย่างมากมาย

 

10- จบที่ยอมรับ ปรับใจ ปรับตัวเพื่อการแก้ไขร่วมมือกันที่ถูกต้อง การแก้ไขไม่ใช่แก้ไขเฉพาะหน้าแต่ต้อง ดูมูลเหตุ กระบวนการทั้งหมดที่ผ่านมา

 

 

 

 

ข่าวที่เกี่ยวข้อง