อังกฤษเริ่มเดินหน้าใช้ชีวิตร่วมกับโควิด ยกเลิกมาตรการต้านไวรัสทั้งหมด
วันนี้ (27 มกราคม) เป็นวันที่อังกฤษได้ยกเลิกมาตรการคุมเข้มโควิด-19 เพื่อควบคุมการระบาดของโควิดกลายพันธุ์โอมิครอน
- ไม่จำเป็นต้องสวมหน้ากากอนามัยในสถานที่ปิด
- ไม่จำเป็นต้องใช้วัคซีนพาสปอร์ตในการเข้าใช้บริการสถานที่ต่าง ๆ อีกต่อไป
- ผู้โดยสารที่ใช้บริการเครือข่ายรถสาธารณะ จะยังต้องสวมหน้ากากฯ ขณะอยู่ในรถ แต่ไม่จำเป็นตามสถานที่อื่น ๆ
- เด็กนักเรียนประถม ไม่ต้องสวมหน้ากากฯ ในห้องเรียนอีก
- แต่หากใครตรวจพบว่าติดเชื้อโควิด-19 จะต้องแยกกักตัวอย่างน้อย 5 วัน ต่อไป (ซึ่งเรื่องมาตรการกักตัว จอห์นสันระบุว่า อยากยกเลิกให้เร็วกว่ากำหนดเดิม 24 มีนาคม)
---ยกเลิกมาตรการหลังผู้ติดเชื้อลดลงมาก---
การผ่อนคลายมาตรการทั้งหมด มีขึ้นหลังพบว่า จำนวนผู้ติดเชื้อโควิด-19 ได้ลดน้อยลงอย่างมากในช่วง 2 สัปดาห์ที่ผ่านมา แม้ว่ายอดติดเชื้อจะยังอยู่ในระบบสูง แต่ก็ถือว่าไม่รุนแรง
ทั้งนี้ อังกฤษเจอช่วงการระบาดหนักสุดของโอมิครอน ในช่วงปลายธันวาคม - ต้นเดือนมกราคมที่ผ่านมา ดัวยจำนวนผู้ติดเชื้อ 180,000-200,000 ราย แต่ปัจจุบันพบผู้ติดเชื้อเฉลี่ยในรอบ 7 วันราว 80,000-100,000 ราย
ที่ผ่านมา รัฐบาลสหราชอาณาจักร ได้ประกาศใช้มาตรการ "แผน B" ในการคุมเข้มโควิด-19 ตั้งแต่ 8 ธันวาคมปีที่แล้ว หลังจากที่นายกรัฐมนตรีบอริส จอห์นสัน เตือนว่าจะเกิดคลื่นยักษ์ของโอมิครอน จึงทำให้ต้องบังคับสวมหน้ากากอนามัยในสถานที่ปิด, ใช้วัคซีนพาสปอร์ตเพื่อใช้บริการสถานที่ต่าง ๆ เช่น ไนท์คลับ, สนามแข่งฟุตบอล และงานอีเวนต์ขนาดใหญ่อื่น ๆ
แต่เมื่อสัปดาห์ที่แล้ว จอห์นสันกล่าวว่า โอมิครอนได้ระบาดถึงจุดสูงสุดแล้ว
จำนวนผู้ป่วยเข้าโรงพยาบาล และผู้ป่วยในห้องผู้ป่วยวิกฤต หรือ ICU ค่อนข้างคงที่ หรือลดลง
---ชีวิตที่กลับมาปกติอีกครั้ง---
การผ่อนคลายมาตรการวันนี้ ทำให้ถนนหลายสายในกรุงลอนดอน เต็มไปด้วยกลุ่มคนสนับสนุนการยกเลิกมาตรการต่าง ๆ ขณะที่ประชาชนมากกว่า 37 ล้านคน ได้รับวัคซีนเข็มกระตุ้นกันแล้ว
"มันดีมาก ๆ เหมือนกับเราได้กลับไปอยู่ในลอนดอนที่เราเคยใช้ชีวิตจริง ๆ และฉันคิดถึงโรงละคร และการแสดงต่าง ๆ อย่างที่สุด" เอลิซาเบธ ไฮเนส วัย 74 ปี กล่าว
จริง ๆ แล้วก่อนหน้านี้อังกฤษเคยประกาศผ่อนคลายมาตรการต่าง ๆ เมื่อวันที่ 19 กรกฎาคม ปีที่แล้ว และตั้งให้เป็น "Freedom Day" แต่ก็จำเป็นต้องมีมาตรการใหม่อีกครั้ง หลังโอมิครอนระบาด
ด้านรัฐมนตรีสาธารณสุข ซาจิด จาวิด ให้เครดิตกับโครงการฉีดวัคซีนเข็มกระตุ้น ที่ทำให้สามารถผ่อนคลายมาตรการต่าง ๆ ได้
---ประเด็นร้อนในทำเนียบยังไม่จบ---
ขณะที่ประเด็นร้อนของนายกฯจอห์นสัน กรณีถูกแฉว่าจัดปาร์ตี้ในล้านพักนายกรัฐมนตรี บ้านเลขที่ 10 ถนนดาวนิ่ง สตรีทและไวท์ฮอลล์ ตั้งแต่ปี 2020 หลายครั้ง ซึ่งเป็นช่วงที่มีการล็อกดาวน์คุมเข้มโควิด-19 นั้น
ล่าสุด จอห์นสัน ได้ยืนยันในสภาอังกฤษเมื่อวาน หลังจากที่ผู้นำพรรคแรงงาน ไคเออร์ สตาร์เมอร์ ได้ถามจอห์นสันว่า เขาจะลาออกจากตำแหน่งหรือไม่ ซึ่งจอห์นสันย้ำว่า "จะไม่ลาออกเด็ดขาด"
ด้าน เครสสิดา ดิ๊ก ผู้บัญชาการตำรวจลอนดอน เปิดเผยว่ากำลังตรวจสอบ “ความเป็นไปได้ในการละเมิดกฎหมายโควิด-19” ในบ้านพักนายกรัฐมนตรี
สำนักงานตำรวจนครบาลของอังกฤษเริ่มทำการสอบสวน “จำนวนครั้งที่มีการจัดกิจกรรม” ที่สำนักงานนายกรัฐมนตรี ถนนดาวนิ่ง เนื่องจากต้องปฏิบัติตามเกณฑ์การสืบสวนของกรมตำรวจในการสืบสวนเหตุละเมิดกฎควบคุมโควิด-19 “ที่ร้ายแรงและโจ่งแจ้งที่สุด”
---นายกฯ ถูกกดดันให้ลาออก---
ทั้งนี้ นายกรัฐมนตรี จอห์นสัน เผชิญเสียงเรียกร้องให้ลาออก หลังมีการเปิดเผยว่า ผู้นำอังกฤษและเจ้าหน้าที่สำนักนายกรัฐมนตรี เข้าร่วมงานปาร์ตี้หลายครั้งในช่วงฤดูหนาวและฤดูใบไม้ผลิของปีที่แล้ว ซึ่งเป็นเวลาที่รัฐบาลสั่งห้ามการชุมนุมทางสังคมเกือบทุกรายการทั่วประเทศ ส่งผลให้ประชาชนทั่วไปต้องพลาดการร่วมงานแต่งงาน งานศพ งานเลี้ยงครบรอบวันเกิด ขณะที่เพื่อนฝูงและญาติพี่น้องต้องเสียชีวิตเพียงลำพังในโรงพยาบาล
รายงานข่าวระบุว่า ผลการสืบสวนครั้งนี้น่าจะได้ข้อสรุปออกมาภายในปีนี้ และจะมีส่วนสำคัญในการชี้ว่า นายกรัฐมนตรี จอห์นสัน จะคงอยู่ในอำนาจต่อไปหรือไม่
ผู้นำอังกฤษได้ออกมาขอโทษสำหรับการเข้าร่วมงานปาร์ตี้ในสวนที่สำนักงานถนนดาวนิ่งเมื่อเดือนพฤษภาคมของปีที่แล้ว แต่กล่าวว่า ตนมองว่า การร่วมปาร์ตี้ดังกล่าวเป็นเรื่องของงาน ซึ่งเกิดขึ้นในช่วงที่มีการดำเนินมาตรการรักษาระยะห่างทางสังคมอยู่เท่านั้น
—————
แปล-เรียบเรียง: ภัทร จินตนะกุล
ภาพ: Daniel LEAL / AFP