อสส.กำชับให้รอบคอบ พิจารณาคดีแจกของผู้ได้รับผลกระทบโควิด
อัยการสูงสุดให้พิจารณารอบคอบ ใช้ดุลพินิจสั่ง-ไม่สั่งคดีแจกของผู้ได้รับผลกระทบโควิด ออกหนังสือถึงอัยการทั่วประเทศ
เมื่อวันที่ 24 เม.ย. นายประยุทธ เพชรคุณ รองโฆษกสำนักงานอัยการสูงสุด เปิดเผยว่า นายวงศ์สกุล กิตติพรหมวงศ์ อัยการสูงสุด (อสส.) มีหนังสือ อส0001/ว188 ลงวันที่ 24 เม.ย.2563 เเจ้งพนักงานอัยการทั่วประเทศ เพื่อซักซ้อมความเข้าใจเกี่ยวกับแนวทางปฏิบัติการดำเนินคดีที่มีผลกระทบต่อการแก้ปัญหาสถานการณ์แพร่ระบาดของโควิด-19 โดยหนังสือดังกล่าวมีสาระสำคัญหลายประการ
นายประยุทธ กล่าวอีกว่า สำหรับแนวทางการดำเนินคดีผู้ฝ่าฝืนพ.ร.ก.ฉุกเฉิน ยังคงให้พนักงานถือปฎิบัติตามหนังสือสำนักงานอัยการสูงสุดที่ อส0001/ว140 ลงวันที่ 31 มี.ค.2563 โดยให้พนักงานอัยการทั่วประเทศดำเนินคดีผู้ที่ฝ่าฝืนพระราชกำหนดโดยรอบคอบ รวดเร็ว และเฉียบขาด เพื่อให้ผู้กระทำความผิดได้รับโทษตามกฎหมาย สอดคล้องกับนโยบายของรัฐบาล จากการดำเนินการตามแนวทางดังกล่าวในช่วงที่ผ่านมา ทำให้จำนวนผู้ฝ่าฝืนพระราชกำหนดลดลง และสอดคล้องกับจำนวนผู้ติดเชื้อรายใหม่ก็ลดลงอย่างมีนัยสำคัญ จึงขอให้พนักงานอัยการปฏิบัติตามแนวทางดังกล่าวโดยเคร่งครัดต่อไป
นายประยุทธ กล่าวว่า อัยการสูงสุดยังเน้นย้ำว่า ตามปรากฏเป็นข่าวในสังคมว่ามีประชาชนผู้ประสงค์ดีนำปัจจัยต่างๆ ที่สำคัญในการดำรงชีวิตเช่นยา อาหาร เครื่องอุปโภคบริโภค อุปกรณ์ป้องกันการแพร่ระบาด เป็นต้น ไปมอบแจกจ่ายให้ประชาชนที่ได้รับผลกระทบ จนบางครั้งอาจมีการรวมตัวและแย่งสิ่งของกัน การกระทำดังกล่าวหากมีการจับกุมดำเนินคดี อัยการสูงสุดให้พนักงานอัยการใช้ดุลยพินิจพิจารณาตามพยานหลักฐาน ประกอบพฤติการณ์แห่งการกระทำโดยรอบคอบว่า การกระทำดังกล่าวเป็นความผิดในทางอาญา เป็นการกระทำที่ฝ่าฝืนพ.ร.ก.ฉุกเฉินหรือไม่ จึงจะมีความเห็นคำสั่งว่าสั่งฟ้องได้หรือไม่เพียงใด
“ในกรณีที่มีการกระทำในลักษณะมอบและแจกจ่ายสิ่งของต่างๆ ดังกล่าวนั้น อัยการสูงสุด ให้สำนักงานคุ้มครองสิทธิและช่วยเหลือทางกฎหมายแก่ประชาชน สำนักงานอัยการคุ้มครองสิทธิและช่วยเหลือทางกฎหมายและการบังคับคดีจังหวัดประชาสัมพันธ์ ให้ความรู้ทางกฎหมายแก่ประชาชนว่าต้องดำเนินการให้เป็นไปตามมาตรการของทางรัฐบาลในการยับยั้งการแพร่ระบาดของการติดเชื้อและไม่เป็นการฝ่าฝืนพ.ร.ก.ฉุกเฉิน และกฎหมายที่เกี่ยวข้อง”
นายประยุทธ กล่าวอีกว่า ปัจจุบันสำนักงานอัยการสูงสุดมีสำนักงานคุ้มครองสิทธิและช่วยเหลือทางกฎหมายแก่ประชาชน ครอบคลุมอยู่ทุกจังหวัด มีพนักงานอัยการและบุคลากร สามารถขับเคลื่อนในการรณรงค์ เพื่อให้ความรู้ทางกฎหมายกับประชนและเร่งประชาสัมพันธ์ตามนโยบายและหนังสือสั่งการของอัยการสูงสุดได้ทันที