สรุปแนวทางใหม่ อัยการสูงสุด ฟ้องคดี "เมาแล้วขับ" เน้นใช้มาตรา 43(8) เพิ่มโทษ - ขอให้ริบรถผู้ก่อเหตุ

สำนักงานอัยการสูงสุดออกหนังสือเวียนถึงพนักงานอัยการทั่วประเทศ กำหนดแนวทางการดำเนินคดีต่อผู้ขับรถขณะเมาสุราที่ก่อให้เกิดอันตรายต่อชีวิต ร่างกาย และทรัพย์สินของประชาชน โดยเน้นย้ำให้พิจารณาฟ้องในข้อหา “ขับรถโดยไม่คำนึงถึงความปลอดภัยหรือความเดือดร้อนของผู้อื่น” เพิ่มเติมตาม พ.ร.บ.จราจรทางบก พ.ศ. 2522 มาตรา 43(8) พร้อมทั้งแนะให้ ขอศาลสั่งริบรถของกลาง เพื่อเพิ่มมาตรการป้องกันอุบัติเหตุทางถนนที่มีแนวโน้มรุนแรงขึ้น

เหตุผล: เมาแล้วขับเป็นปัจจัยหลักของอุบัติเหตุรุนแรง

อ้างอิงจากหนังสือสำนักงานอัยการสูงสุด ที่ อส (สฝปผ.) 0018/ว 380 ลงวันที่ 29 กันยายน 2549 ระบุว่า สถานการณ์ความไม่ปลอดภัยจากการใช้รถใช้ถนนในประเทศไทยอยู่ในภาวะน่าเป็นห่วง โดยมีผู้เสียชีวิตและทรัพย์สินเสียหายจำนวนมาก ซึ่ง สาเหตุสำคัญมาจากการขับรถในขณะเมาสุรา และมักก่อให้เกิดอันตรายต่อผู้ใช้ถนนรายอื่น

แนวปฏิบัติใหม่ของอัยการ: เพิ่มข้อหา – ริบรถ

เพื่อให้การดำเนินคดีมีประสิทธิภาพมากขึ้น สำนักงานอัยการสูงสุดจึงออกแนวทางปฏิบัติให้พนักงานอัยการ:

1. พิจารณาว่าการขับรถในขณะเมาสุรานั้นเข้าข่ายความผิดตามมาตรา 43(8) หรือไม่     

2  . หากเห็นว่าเข้าข่ายและยังไม่ได้มีการแจ้งข้อหานี้ ให้สั่งให้พนักงานสอบสวนแจ้งข้อหาเพิ่มเติมแก่ผู้ต้องหา

3. ในการฟ้องคดี ขอให้พนักงานอัยการขอให้ศาลสั่งริบรถของกลาง ที่ใช้ในการกระทำความผิดตามแนวทางเดิมที่เคยประกาศไว้

เป้าหมาย: ลดอุบัติเหตุ - คุ้มครองสาธารณชน

แนวทางดังกล่าวมีวัตถุประสงค์เพื่อ สร้างมาตรฐานการดำเนินคดีที่สอดคล้องกับสถานการณ์จริง และเพิ่มมาตรการลงโทษให้เข้มข้นขึ้น ซึ่งอาจช่วยลดพฤติกรรมขับรถโดยประมาท หรือเมาแล้วขับที่ยังคงเป็นสาเหตุของอุบัติเหตุรุนแรงในประเทศ