ปลัด มท.สั่งด่วนทั่วประเทศ ยกระดับรับมือโควิดหลังสงกรานต์
วันนี้ (17 เม.ย. 65) นายสุทธิพงษ์ จุลเจริญ ปลัดกระทรวงมหาดไทย ในฐานะหัวหน้าผู้รับผิดชอบในการแก้ไขสถานการณ์ฉุกเฉินในส่วนที่เกี่ยวกับการสั่งการและประสานกับผู้ว่าราชการจังหวัดและผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร เปิดเผยว่า ในขณะนี้พี่น้องประชาชนที่ได้เดินทางไปเยี่ยมเยียนญาติผู้ใหญ่ พบปะสังสรรค์ ร่วมทำกิจกรรมวันสงกรานต์ ณ ภูมิลำเนาจังหวัดต่าง ๆ
รวมถึงท่องเที่ยวตามสถานที่ท่องเที่ยวร่วมกับสมาชิกในครอบครัวช่วงวันหยุดต่อเนื่องเทศกาลสงกรานต์ 2565 ได้เดินทางกลับเพื่อเตรียมความพร้อมในการเปิดทำงานในวันพรุ่งนี้ (18 เม.ย. 65) ซึ่ง พลเอก ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี มีความห่วงใยพี่น้องประชาชนที่เดินทางกลับจากการร่วมกิจกรรมสงกรานต์ที่มีการรวมกลุ่มคนในชุมชน และสถานที่ต่าง ๆ
เนื่องจากขณะนี้ยังคงอยู่ในสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคโควิด-19 ที่มีสถิติยอดผู้ติดเชื้อและผู้เสียชีวิตจำนวนมาก และพลเอก อนุพงษ์ เผ่าจินดา รัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย ได้กำชับให้ทุกจังหวัดและกรุงเทพมหานครได้เตรียมความพร้อมมาตรการควบคุมโรคแบบบูรณาการและแนวปฏิบัติด้านสาธารณสุขเพื่อป้องกันการแพร่ระบาดของโรคโควิด-19 ตามมาตรการปลอดภัยสำหรับองค์กร (COVID Free Setting) ภายหลังเทศกาลสงกรานต์ 2565 ให้เป็นไปอย่างมีประสิทธิภาพ และเหมาะสมกับสถานการณ์
ดังนั้น เพื่อให้การปฏิบัติตามมาตรการเฝ้าระวังและป้องกันการแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 (โควิด - 19) หลังเทศกาลสงกรานต์ 2565 เป็นไปอย่างมีประสิทธิภาพ เหมาะสมกับสถานการณ์ จึงได้สั่งการและประสานไปยังผู้ว่าราชการจังหวัดทุกจังหวัด และปลัดกรุงเทพมหานคร เร่งประชาสัมพันธ์สร้างการรับรู้ขอความร่วมมือทุกภาคส่วน
ทั้งภาคราชการ ภาคเอกชน และพี่น้องประชาชนทุกคนที่ได้ร่วมกิจกรรมและเดินทางในช่วงเทศกาลสงกรานต์ได้เฝ้าระวังสังเกตอาการของตนเองและครอบครัว เป็นเวลา 7-10 วัน และปฏิบัติตามมาตรการ DMHTA ทั้งรักษาระยะห่างระหว่างกันอย่างน้อย 1-2 เมตร สวมหน้ากากอนามัยตลอดเวลา ล้างมือด้วยน้ำสบู่หรือเจลแอลกอฮอล์อย่างสม่ำเสมอ ตรวจวัดอุณหภูมิร่างกาย อย่างเคร่งครัดและหมั่นตรวจหาเชื้อด้วยชุดตรวจ ATK อยู่เสมอ
โดยเฉพาะหากพบว่าตนมีอาการหรือมีความเสี่ยงต้องตรวจด้วย ATK ทันที ถ้าผลเป็นลบให้พิจารณาตรวจซ้ำเมื่อครบ 7 วัน หรือเมื่อมีอาการ โดยในช่วงระหว่างสังเกตอาการให้หลีกเลี่ยงการพบปะผู้คนโดยไม่จำเป็น หากจำเป็นต้องพบปะผู้อื่น ควรสวมหน้ากากตลอดเวลา
และขอความร่วมมือหน่วยงานราชการ บริษัท ห้างร้าน โรงงานในพื้นที่ ได้พิจารณามาตรการป้องกันการแพร่ระบาดของโรคโควิด-19 โดยการทำงานที่บ้าน (Work From Home) ทั้งนี้ในส่วนของหน่วยงานภาครัฐที่มีหน่วยบริการประชาชนต้องไม่กระทบกับภารกิจในการให้บริการประชาชน
นอกจากนี้ ให้ผู้ว่าราชการจังหวัดใช้กลไกคณะกรรมการโรคติดต่อจังหวัด และบูรณาการร่วมกับส่วนราชการและหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง จัดบริการตรวจหาเชื้อโควิด-19 ด้วยชุดตรวจ ATK ให้เป็นไปอย่างทั่วถึง เพื่อให้พี่น้องประชาชนสามารถเข้าถึงการตรวจหาเชื้อได้อย่างสะดวกรวดเร็ว
พร้อมทั้งยกระดับแผนการเตรียมความพร้อมรองรับผู้ป่วยติดเชื้อโรคโควิด-19 ระดับต่าง ๆ ให้สามารถอำนวยความสะดวกพี่น้องประชาชนได้อย่างมีประสิทธิภาพ ทั้งด้านการรับแจ้ง การคัดกรอง การบริหารจัดการการรักษาที่บ้าน (Home Isolation : HI) การบริหารจัดการสถานที่กักตัวในชุมชน (Community Isolation : CI) โรงพยาบาลหลัก และโรงพยาบาลสนามระดับต่าง ๆ เป็นต้น และยังคงเร่งรณรงค์ให้กลุ่มเสี่ยง (กลุ่ม 608)
ได้แก่ กลุ่มผู้สูงอายุมีอายุ 60 ปีขึ้นไป ผู้มีโรคประจำตัวในกลุ่ม 7 โรคประจำตัว คือ โรคทางเดินหายใจเรื้อรัง โรคหัวใจและหลอดเลือด โรคไตวายเรื้อรัง โรคหลอดเลือดสมอง โรคอ้วน โรคมะเร็ง โรคเบาหวาน และกลุ่มหญิงตั้งครรภ์ ได้ระมัดระวังตนเองและเข้ารับการฉีดวัคซีนเข็มกระตุ้นอย่างต่อเนื่อง.
ภาพจาก TNN ONLINE